ClubJZ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ใช้งานเครื่องยนต์ JZ ทุกรุ่น เพื่อที่จะใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ระหว่างกันโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เราหวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังหาข้อมูล และผู้ที่มีปัญหาในการ ใช้งาน เครื่อง JZ ไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญที่สุด ที่ทุกๆคนจะได้จาก ClubJZ นี้นั่นคือ มิตรภาพที่เรามีให้กับทุกๆท่านครับ.
|
ประชาสัมพันธ์ ClubJZ! |
1. Login สีส้ม และสีฟ้าไม่อนุญาติให้มีลายเซ็นตั้งแต่วันที่ 07/09/09 เป็นต้นไป 2. ขอเชิญ ผู้ใช้งาน ที่ Login เป็นสีส้ม มาแนะนำตัว ( ชื่อ,รถ,เครื่องยนต์ และเบอร์ติดต่อ) เพื่อเปลี่ยนมาเป็น ClubJZ Member ที่นี่ ครับ 3. User ที่สมัครใหม่ รอ Activate ผ่าน Email ทีกรอกมาด้วยนะครับ User นั้นถึงจะใช้งานได้ ครับ |
ClubJZ! Useful Information คลังเก็บกระทู้ข้อมูล ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเครื่องยนต์ JZ! ครับ |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
|
![]() |
#1 | |
ClubJZ Old Full Member
วันที่สมัคร: Mar 2008
Car Brand: Toyota
Engine Type: 4A-GE
ที่อยู่: Thailand
กระทู้: 75
Thanks: 2
Thanked 251 Times in 48 Posts
คะแนน: 18
![]() |
อ้างถึง:
จริง ๆ แล้ว Toyota มีเครื่องเครื่อง VVTL-i ที่ใช้การทำงานที่ดีเยี่ยม มากกว่า VTEC อยู่ แต่กลไกลซับซ้อนเกินไป มุมมองของ Toyota การ ปรับระยะยกแคม สูง-ต่ำ แบบ VTEC จะได้กำลังเครื่องมาขึ้น จากการประจุอากาศที่มากขึ้น แต่ก็จะได้แค่ในช่วงรอบสูง ซึ่งจะควบคุมได้ยากเพราะ เป็นการเปิดเพิ่มได้อีกเพียง 1 จังหวะ ควบคุมกำลังได้ยาก กินน้ำมัน และมีมลพิษเยอะ ถ้าจะให้ปรับระยะยกแคมให้ละเอียด จะต้องทำกลไกลเพิ่มอีกเยอะ ไม่คุม การปรับ Timing แบบมี Overlap ของ VVT-i เรียบง่าย และได้ผลดีกว่าเยอะ ข้อเด่นชัดที่สุดของ VVT-i คือการเปิดวาล์ว ไอดีก่อน ในขณะวาล์วไอเสีย ยังปิดไม่สนิท จะทำช่วยลด Pumping lose คือให้คิดง่าย ๆ ปกติในช่วงที่สิ้นสุดการคายไอเสีย สูบสูบกำลังจะเคลื่อนที่ลงเพื่อดูด อากาศจากฝั่ง Intake จะมีช่วง ที่วาล์วไอดียังเปิดได้ไม่เต็ม ทำให้มีลูกสูบ มีอาการคล้าย ๆ เราดึงเข็มฉีดยาออก โดยเอามืออุดที่ปลายเข็มไว้ ไอดีก็ไหลลงไปไม่วะดวก สูบสูบก็ไหลลงไม่ลื่นด้วย เหมือนโดยขัดจังหวะสั้น ๆ แต่ VVT-i เปิดวาล์ว ไอดีตั้งแต่ตอนวาล์วไอเสียยังปิดไม่สนิท ทำให้ลดสูญญากาศในจังหวะดูดได้ เครื่องเลยดูดไอดีได้สะดวกและมากขึ้น แต่ ว่า VTEC ปัญหาเรื่อง Pumping lose ยังคงมีอยู่ Toyota จึงมั่นใจว่า VVT-i มีแต่ข้อดี จึงผลิต VVT-i ในทุก ๆ รุ่นเครื่องยนต์ และเลิก VVTL-i ไป จนถึงทุกวันนี้ เมื่อเครื่อง VVT-i ไม่แรงเท่า VTEC Toyota คิดง่าย ๆ คือ กำหนด กำลังเครื่อง หรือแรงม้าแรงบิด ที่ต้องการของรุ่นรถที่จะขายก่อน และทำเครื่องหรือเลือกเครื่อง VVT-i ให้เหมาะสมกับตลาด ผลออกมาเหมือน Toyota จะให้เครื่อง CC เยอะหน่อย เพื่อจะให้แรงมาเท่าคู่แข่ง อย่าง Honda แต่จริง ๆ เครื่อง 1800 CC ของ Toyota ต้น ทุนถูกกว่าเยอะ เพราะ VVT-i ช่วยลดต้นทุนได้เยอะ เอาชนะ Pumping lose ได้ก็ไม่้ต้องทำอะไรมากกับระบบจุอากาศแล้ว เบากว่า ประหยัดกว่า เรียบง่ายกว่า ถ้าจะเอาแรงแข่งคู่แข่ง ก็เดี๋ยวออกรุ่น CC เยอะไปเลย จะเห็นได้จาก Fortuner 2.7 Carmy 3.5 V6 Altis 2.0 (ตัวนี้จริง ๆ ก็น่าจะเทียบกับ Civic 1.8 ไม่ต้องไปเทียบกับ Civic 2.0 หรอกเพราะยังไง ๆ Toyota ก็ขายได้ จะเอา 2.0 Valvematic มาขายทำไม เก็บไว้ก่อนดีกว่า เอาเครื่ืองและต้นทุึนไปทำรุ่นอื่นดีกว่า) มุมมอง VTEC ที่ Toyota มอง นอกจากจะไม่ลด Pumping lose แล้วยัง เป็นตัสสร้างมลพิษ เพราะโปรแกรมระยะกดลงของวาล์วแบบ Step ไม่ได้ ทำได้คือ กดลึก กับไม่ลึก 2 step แต่แรงม้าได้มากขึ้นแน่ ๆ ไม่ประหยัด และมีมลพิษ Toyota มุ่งไปที่ Valvematic มากกว่าครับ คือการรวมกับของ Dual VVT-i กับ VTEC ที่โปรแกรมระยะกดวาล์วได้แบบ ละเอียด มาก ซึ่งก็ทำให้สามารถถอด Throttle ออกไปได้เลย ใช้วิธีการกดคันเร่งแล้วกล่อง ECU จะไปสั่งให้วาล์วไอดี เปิดตื้นหรือ ลึก หรือ offset timing แทนการใช้ Throttle เรียกกว่าคุมได้แบบ 3 มิติโดยแท้เลย |
|
![]() |
![]() |
The Following User Says Thank You to TongAE111 For This Useful Post: | A31@udon (24-12-2011) |
![]() |
|
|