ClubJZ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ใช้งานเครื่องยนต์ JZ ทุกรุ่น เพื่อที่จะใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ระหว่างกันโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เราหวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังหาข้อมูล และผู้ที่มีปัญหาในการ ใช้งาน เครื่อง JZ ไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญที่สุด ที่ทุกๆคนจะได้จาก ClubJZ นี้นั่นคือ มิตรภาพที่เรามีให้กับทุกๆท่านครับ.

Loading
Search In ClubJZ.net


กลับไป   ClubJZ Forums > ClubJZ ! Main Forums > ClubJZ! Useful Information
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน กระทู้ใหม่วันนี้
ประชาสัมพันธ์ ClubJZ!

1. Login สีส้ม และสีฟ้าไม่อนุญาติให้มีลายเซ็นตั้งแต่วันที่ 07/09/09 เป็นต้นไป

2. ขอเชิญ ผู้ใช้งาน ที่ Login เป็นสีส้ม มาแนะนำตัว ( ชื่อ,รถ,เครื่องยนต์ และเบอร์ติดต่อ) เพื่อเปลี่ยนมาเป็น ClubJZ Member ที่นี่ ครับ

3. User ที่สมัครใหม่ รอ Activate ผ่าน Email ทีกรอกมาด้วยนะครับ User นั้นถึงจะใช้งานได้ ครับ



ClubJZ! Useful Information คลังเก็บกระทู้ข้อมูล ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเครื่องยนต์ JZ! ครับ

ตอบกลับ
 
คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
เก่า 19-12-2008, 15:00   #1
AEK_Korat
Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: Mitsubishi Strada
Engine Type: 2J Turbo
ที่อยู่: ห้วยแถลง โคราช
อายุ: 42
กระทู้: 26
Thanks: 4
Thanked 25 Times in 12 Posts
คะแนน: 0 AEK_Korat is on a distinguished road
ไปเจอความรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่ครับเลยเอามาฝากกันคร ับ

ผมใช้แบตเตอรี ( แบบเติมน้ำกลั่น ) หาก
1) ปล่อยให้น้ำไนช่องแบตแห้งจะเกิดผลเสียอย่างไร
2) เมื่อน้ำในช่องแบตแห้งแล้วจึงเติมน้ำกลั่น หรือ น้ำกรดลงไปแบตจะใช้งานเหมือนเดิมหรือไม่
3) การที่ใช้แบตที่มีโวล์สุงๆไว้ก่อน เกินความจำเป็นหรือมีผลดีมากน้อยแคไหน
4) แบตที่เดิมน้ำกลั่น กับ ไม่ต้องเติม โดยภาพรวมๆแล้วอย่างไหนดีกว่ากัน
5) อายุการใช้งานแบตโดยปกติกี่ปี
6) ถ้าเราใช้น้ำดื่มแทนน้ำกลั่น จะมีผลแตกต่างกันหรือไม่
7) จำเป็นไหมที่ต้องเลือกซื้อยี่ฮ้อแบต แล้วส่วนใหญ่ใช้ยี่อ้อใดกันหรือ
8) แบตรถเต่าอยู่ใต้เบาะนั่ง ปัญหาที่เกิด พื้นรถจะมีคาบสีขาวเกาะติดและเป็นสนิมผุกร่อนจนพื้นท ะลุ ทั้งๆที่มีแผ่นยางรองไว้ จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร (จบคำถาม) คำถามมากข้อไปหน่อยขอผู้รู้เสียสละเวลาตอบคงไม่ว่ากั น( ขอบคูณครับ)
โดยคุณ : คูณลักยิ้ม - [ 14 ก.พ. 2006 , 19:20:03 น. ]



Mr. PUMA Posted : 2006-02-14 20:39:45 IP : (61.90.25.*)


สวัสดีครับคุณลักยิ้ม
คำถามของคุณนั้นค่อนข้างจะยาว แต่ก็ครอบคลุมถึงปัญหาที่หลายๆ คนประสบอยู่ ผมจะพยายามตอบเป็นข้อข้อไปนะครับ
1. แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั้นเรามีชื่อเรียกที่เป็นทางก ารว่า แบตตะกั่วกรด (Lead Acid Batter) ซึ่งนั้นหมายความว่า มันจะให้พลังงานไฟฟ้าได้ดีก็ต่อเมื่อมีน้ำกรด(ความเข ้มข้นมาตรฐาน 1.25-1.28 กรัม/ซีซี + ตะกั่ว (สารเคลือบบนแผ่นธาตุ) ดังนี้่ถ้าน้ำกรดแห้งก็จะทำให้ มันไม่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ และเมื่อมันแห้งเราก็สามารถเติมน้ำกลั่นได้ (ไม่ควรเติมน้ำกรด เพราะคุณอาจจะเติมน้ำกรดที่มีความเข้มข้ัน ผิดทำให้แบตฯ เสีย เร็วขึ้น ) แต่ ปัญหามันอยู่ที่ระหว่างทางที่ระดับน้ำกรดระเหยออกจนแ ห้งไปนั้น มันได้ทำให้ความเข้นข้นของน้ำกรดภายในแบตฯสูงขึ้น (เหมือนคุณเขี้ยน้ำตาล เมื่อร้อนจะค่อย ๆ ข้นขึ้น ) ซึ่งมันจะแรงมากจนทำให้แผ่นธาตุ และสารเคลือบ (ตัวทำปฏิกิริยากับน้ำกรด) ถูกทำลาย เป็นเหตุให้อายุแบตฯสั้นลง ซึ่งคุณอาจจะเติมน้ำกลั่นได้ แต่แผ่นธาตุเสียแล้ว.....
2. คุณสามารถเติมได้ครับ แต่มันอาจจะใช้งานได้ ไม่ดีเท่าเดิม ครับ
3. ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ใช้ไฟฟ้า ขนาด 12 V (จริง ๆ คือ 13.5-14.5 V ) ด้งนั้นผมเข้าใจว่าคุณ คงหมายถึง ขนาดความจุของ แบตฯ Amps/Hr. ซึ่ง การเลือกขนาดความจุของ แบตฯ จะต้อง สัมพันธ์ กับ ขนาดของไดชาร์จ (Alternator) เนื่องจาก ในระบบไฟฟ้าของรถยนต์ อุปกรณ์ หลักที่มีหน้าที่ในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า ให้รถยนต์ (ขณะที่เครื่องยนต์ ทำงาน) คือ ไดชาร์จ (ขอย้ำ !!!! ไม่ใช่แบตฯ ) ซึ่งเจ้า ไดชาร์จ ก็เปรียบเสมือน เครื่องปั่น ไฟฟ้า ให้รถ (รวมถึงไฟฟ้าที่จะ ไปชาร์จ แบตฯ เวลาไฟ หมดด้วยครับ) ดังนั้น หากคุณเลือกแบตฯที่มีขนาด ใหญ่ กว่า ไดชาร์จ ก็หมายความ ว่า แบตฯ คุณจะไม่เคยถูกชาร์จ ไฟให้เต็ม ได้ เป็นเหตูให้อายุแบตฯสั้นลงด้วย (เสียทั้งเงิน เสียทั้งอารมณ์ ) ดังนั้น คุณต้องติดไดชาร์จให้มีขนาดเหมาะสมกับ ระบบไฟฟ้าที่คุณติดเพิ่มให้กับรถของคุณ (คำนวณ เล่น ๆ ง่าย ๆ ได้ I = W / V . (W= พลังไฟฟ้าที่เราใช้ทั้งหมด หน่วย เป็น วัตต์ ; V = โวลล์ ซึ่งเท่ากับ 12.6 ; I = แอมป์ ที่เราต้องการใช้ )

6. ถ้าน้ำดื่มที่ใช้เติม เป็นน้ำดื่มที่มีความบริสุทธ์ สูงก็ได้นะครับ (ยกเว้นน้ำแร่ เติมไม่ได้ น้ำดื่มบางยี่ห้อ ก็แค่น้ำกรอง ก็ไม่ได้อีก เพราะน้ำที่นำมาใช้กรองดันเป็นน้ำประปา ฮาฮาฮา ซึ่งมีสารคลอรีนอยู่ เพื่อฆ่าเชื้อ ) สรุป ถ้าหาน้ำกลั่นได้ก็ใช้น้ำกลั่นนะครับ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ไม่มีปัญหามา แต่อย่าเติมบ่อย ก็เท่านั้นเองครับ

5. ปรกติแล้ว อายุแบตฯ ก็เหมือนถ่านก้อน ( ถ่านชาร์จ) ทั่ว ๆ ไป ครับผม คือ อายุไม่ได้ขึ้นกับเวลาว่ากี่ปี แต่ ขึ้นกับจำนวนครั้งในการถูกชาร์จ (Cycle ) เหมือนถ่านก้อนที่เราใช้กันเลยครับ ซึ่งถ้าคำนวนเล่น ๆ ก็อยู่ราว ๆ 2 ปี ประมาณ 3,500 - 4,000 cycle คำนวนจากอัตราการเสีย ไฟฟ้า ที่ 5-10 % แล้ว ชาร์จกลับ (สตาร์ท รถวันละ 4-6 ครั้ง/วัน) เพราะการสตาร์ทรถ 1 ครี้ง แบตฯจะจ่ายพลังงาน ไฟฟ้า ออก ไปเป็นจำนวนมาก (มากกว่า 300 Amps ต่อการบิดกุญแจสตาร์ท 1 ครั้ง ) และ เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ไดชาร์จ ก็จะชาร์จไฟ กลับสู่แบตฯ ถือเป็น 1 cycle แต่ก็ยังมีปัจจัย อื่นที่ทำให้อายุการใช้งาน แบตฯสั้นลง ได้ แก่
1. ความเข้นข้นน้ำกรดที่เปลี่ยนแปลง (สูงเกิน 1.28g/cc ) ทำให้แผ่นธาตุถูกทำลาย (แบตฯ สูญเสียไอน้ำกรด ระหว่างใช้งาน )
2. สิ่งสกปรก เช่น ไอน้ำมัน ฝุ่น และ อื่น ๆ เข้าไปในแบตฯ (เข้าทางช่องระบายความร้อน และ รูเติมน้ำกลั่น ) ทำให้แบตฯ เก็บไฟฟ้าไม่อยู่
3. ความร้อนในห้องเครื่อง ทำให้แบตฯ เสียพลังงาน ไฟฟ้าเร็วขึ้น และเสียไอน้ำกรดเร็วขึ้น (ระเหยน้ำกรดออกจาก ช่องระบาย ไอน้ำกรด แล้ว ก็ลงสู่ตัวถึงรถสุดที่รักของคุณไงครับ )
4. การชาร์จผิดวิธี ทำให้แผ่นธาตุถูกทำลาย (ใช้แอมป์ เกินกว่า 10% ของขนาด แบตฯ เช่น แบตฯ ขนาด 55 แอมป์ ควรใช้กระแสในการชาร์จที่ 5 แอมป์ เป็นต้น หากใช้กระแส ในการชาร์จเกิน เป็นเวลานานจะทำให้เกิดความร้อน เป็นเหตุให้แบตฯ เสื่อม )

แต่ถ้าแบตฯ มีการเสียไฟฟ้ามาก ๆ ก่อนการชาร์จกลับในแต่ละครั้ง อายุก็จะสั้นลงมาก ครับ คือ จาก 3,500 - 4,000 cycle ก็อาจจะเหลืออยู่แค่ 200 - 500 cycle .

4. , 7 & 8 : อุตสาหกรรมรถยนต์ ได้ประสบปัญหาเกี่ยวกับ น้ำกรดจาก แบตฯ ไปกัดกร่อนตัวรถ จากการใช้งาน และ อายุแบตฯ สั้น จากการที่ผู้ใช้ ไม่มีเวลาในการดูแล และ การออกแบบรถยนต์ ต้องการความสวยงาม และ ซ่อนรายละเอียด อุปกรณ์ไฟฟ้า มากขึ้น เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งผลักดันให้อุตสาหกรรม แบตฯ ต้องพัฒนา และคิดค้นเทคนิคการผลิต และ การออกแบบ เพื่อผลิตแบตฯ ที่สามารถตอบสนอง life style , Design และ Performance จึงเป็นที่มาของแบตฯ แบบที่เราเรียกว่า Maintenance Free (ขอบอกว่า มันไม่ใช่ แบตฯแห้ง นะครับ เพราะ ตามที่ผมบอกไว้ในขอ 1. มันมีชื่อเรียกว่า แบต ตะกั่วกรด ดังนั้นแบตฯ แห้งสำหรับรถยนต์ ไม่มีอยู่จริงครับ มีแต่ไม่ต้องการการดูแลรักษา ) ซึ่งเป็นแบตฯ ที่ไม่ต้องการการบำรุงรักษา , ไม่มีน้ำกรดรั่วไหลออกสู่ตัวรถ(เพราะ ปิดสนิททั้งลูก ) และ อายุใช้งานยาวนาน ซึ่งการผลิตจะต้องใช้เทคโนโลยี ชั้นสูง PUMA Battery เป็นแบตฯที่ถูกพัฒนา เพื่อตอบสนอง ความต้องการทั้งหมดเหล่านี้ และ PUMA Battery เป็นแบตฯ ที่ ใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก GM (General Motor USA) อีกทั้งเป็นผู้ผลิตแบตฯ Premium Quality ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก ภายใต้ ตราผลิตภัณฑ์ ของผู้ผลิตรถยนต์ เช่น Honda , Mitsubishi , Isuzu , Lexas , Subaru , Suzuki ใน ประเทศญี่ปุ่น

ดังนั้นการเลือกแบตฯ จะต้องดูที่ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีที่ใช้ที่ใช้ในการผลิต มากกว่าที่จะดูที่ยี่ห้อเพียงอย่างเดียวครับ

ผมหวังว่า ข้อมุลทั้งหมดน่าจะสามารถตอบคำถาม ของคุณลักยิ้มได้ครบถ้วนนะครับ หากมีข้อใดสงสัยก็สามารถ ถามเพิ่มเติมได้อีกนะครับ ผมจะพยายามตอบให้ได้มากที่สุดนะครับ
AEK_Korat is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 3 Users Say Thank You to AEK_Korat For This Useful Post:
Lucky (03-06-2011), printset (27-09-2016), tatizoodlor (31-07-2013)
เก่า 19-12-2008, 15:02   #2
AEK_Korat
Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: Mitsubishi Strada
Engine Type: 2J Turbo
ที่อยู่: ห้วยแถลง โคราช
อายุ: 42
กระทู้: 26
Thanks: 4
Thanked 25 Times in 12 Posts
คะแนน: 0 AEK_Korat is on a distinguished road
ในกรณีที่รถบางรุ่นอย่างเช่นรถเต่า
แบทเตอรี่ อยู่ในห้องโดยสาร เท่าที่รู้มาแบทเตอรี่โดยทั่วไปมีการระเหยของนำ้กรด
ไม่ทราบว่าเรามีวีธีเลื่อกแบทเตอรี่ให้เหมาะกับรถประ เภทนี้อย่างไรครับ




Mr. PUMA Posted : 2006-02-15 22:16:50 IP : (58.8.183.*)


ขอตอบดังนี้นะครับ

สำหรับรถเต่า และ รถยุโรป หลาย ๆ รุ่น นั้น มีการออก แบบตำแหน่งว่าง แบตฯ ไว้ภายในรถ เพื่อ วัตถุประสงค์ในการป้องกันความร้อนจากห้องเครื่องมาทำ ให้อายุแบตฯ สั่นลง (ตามที่ได้มีกล่าวไว้ครั้งก่อนว่า อายุแบตฯจะสั้นลงถ้าเจอกับความร้อน )
ดังนั้น ผู้ผลิตแบตฯ ชั้นสูง จึงได้ออกแบบ แบตฯ ที่เราเรียกว่า Seal Lead Acid Battery (SLA Battery) คือเป็นแบตฯ ที่มีการออกแบบ ระบบฝาปิดให้เป็นระบบปิดสนิท (แต่ยังคงมีช่องระบายความร้อน (ไม่ระบายไอน้ำกรด นะครับ ซึ่งจะมีการระบายความร้อนออกจากแบตฯเมื่อ เกิดแรงดันภายในแบตฯ ณ. ระดับที่ทำให้ วาล์วแรงดันเปิดขึ้น โดยเจ้าวาล์วแรงดันที่ว่านี้ทำจาก โฟมชนิดพิเศษ เราเรียกว่า Arestor Foam ครับ)

ดังนี้แบตฯ ชนิด Maintenance Free ก็มีอยู่หลายประเภทเช่นกัน ตามคุณสมบัติ และ เทคนิคการผลิต แต่ แบตฯ Maintenance Free ที่ดีจะต้องเป็นชนิดที่เราเรียกว่า SLA Battery ด้วย .

SLA Battey ก็มีอยู่ 3 ชนิด ด้วยกันคือ
1. ชนิดน้ำ (Flooding ) :เหมาะกับประเทศ โซลร้อน
2. ชนิดเจล (Gel Type) : ไม่นิยมใช้ในรถยนต์ เพราะแห้งไว
3. ชนิดดูดซึมด้วยใยแก้ว ( AGM ; Absorbent Glass Mat ) : นิยมใช้ในยุโรป แต่ไม่ประสบความสำเร็จในประเทศ โซลร้อน เพราะแห้งไวมาก ห้ามไว้ในห้องเครื่องยนต์ เพราะร้อนมาก

PUMA Battery เป็นแบตฯ แบบ SLA ชนิดน้ำ ดังนั้นจึงเหมาะมากกับประเทศไทย และ ไม่ต้องกลัวเรื่องการรั่วของไอน้ำกรดอีกครับ (โฆษณาจริง ๆ เลยนะเรา :b3 )
AEK_Korat is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 3 Users Say Thank You to AEK_Korat For This Useful Post:
Lucky (03-06-2011), printset (27-09-2016), tatizoodlor (31-07-2013)
เก่า 19-12-2008, 15:03   #3
AEK_Korat
Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: Mitsubishi Strada
Engine Type: 2J Turbo
ที่อยู่: ห้วยแถลง โคราช
อายุ: 42
กระทู้: 26
Thanks: 4
Thanked 25 Times in 12 Posts
คะแนน: 0 AEK_Korat is on a distinguished road
ระบบการประจุไฟฟ้าของรถยนต์ทุกคันมีไฟสัญญาณเตือนบนแ ผงหน้าปัดแสดงเป็น ไฟรูปแบตเตอรี่โดยมิได้เป็นการเตือนว่าแบตเตอรี่หมดห รือเต็ม แต่เป็นการแสดงถึงความปกติหรือผิดปกติของระบบไดชาร์จ หากทุกอย่างปกติ เมื่อปิดกุญแจในจังหวะแรก ไฟเตือนต้องสว่างนิ่ง และเมื่อเครื่องยนต์ถูกสตาร์ท และทำงานแล้ว ไฟเตือนจะดับลงตลอดการขับ
หากเครื่องยนต์ยังทำงานอยู่แล้วมีไฟเตือนสว่างขึ้น แสดงว่าระบบการประจุไฟฟ้าบกพร่อง แบ่งเป็น 2 กรณี คือ ไดชาร์จเสีย (หรือระบบการประจุไฟฟ้าเสีย) หรือสายพานไดชาร์จขาด ต้องรีบจอดรถในที่ปลอดภัยเพื่อลงมาตรวจดูสายพานเป็นอ ย่างแรก ถ้าสายพานไม่ขาด แสดงว่าระบบไดชาร์จเสีย แต่ยังมีไฟฟ้าสำรองในแบตเตอรี่อยู่ สามารถขับต่อไปได้ในช่วงสั้น ๆ ประมาณกว่า 5 กิโลเมตร และนี่ก็คือการใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้อย่างเดียวไ ม่มีการประจุไฟฟ้ากลับเข้าไป จึงควรปิดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าลงทั้งหมด เช่น แอร์ เครื่องเสียง ฯลฯ เพื่อให้มีการ ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ช้าและน้อย ทำให้รถยนต์ยังแล่นต่อไปได้ระยะทางมากที่สุด ถ้าการจราจรไม่ติดขัดมาก และแบตเตอรี่ลูกใหญ่พอสมควร ส่วนใหญ่ไปได้เกิน 10 กิโลเมตร เพื่อนำรถยนต์ไปซ่อมแซมครับ






การเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็ต้องมีวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้การเสียหายเกิดขึ้น ข้อพึงระวังสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่เอง คือ

1. ต้องดับเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้ง (OFF)
2. ในการถอดแบตเตอรี่ ต้องถอดขั้วลบ (-) ออกก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน การลัดวงจร
3. และเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เข้าไป ต้องใส่ขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ
จำหลักง่ายๆ "ถอดลบ (-) ใส่บวก (+)" เสมอ เพื่อป้องกันการลัดวงจรและเกิดประกายไฟกับรถยนต์แสนร ักของคุณ






การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่ สุด ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า
2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด
3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์
4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได ้ ในช่วงเวลาเดียวกัน
5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น
6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี
7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป





เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ
หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้

1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก
2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง
3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง
4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ

เมื่อมีสัญญาณเตือนดังนี้ ก็เข้าร้านที่ไว้ใจได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลยครับ






บางครั้ง หากมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เพิ่ม แบตเตอรี่ก็ควรถูก
ปรับเปลี่ยนความจุให้มีมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีการติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ใน
ยานพาหนะ ควรปฏิบัติดังนี้

1. สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถ อยู่ในสภาพไฟเต็ม
2. ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ ไว้เพื่อการตรวจสอบสภาพ
เป็นช่วงๆ
3. ยึดแบตเตอรี่และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว
4. ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยาวระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับ
เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้
5. ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบก็แล้วแต่ชนิดของรถ) ก่อนใส่
ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไป
เพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว แบตเตอรี่อาจเสียหายได้


6. เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาขั้วด้วยจารบี หรือวาสลิน
7. ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย

จากนั้นก่อนสตาร์ทเครื่อง ก็ควรตรวจดูความถูกต้องในการต่อขั้วอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์และตัวคุณเองครับ






บางครั้งแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา หรือรถยนต์คันอื่นๆ เกิดการไฟหมด
อาจจะต้องมีการต่อพ่วงกัน เราจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้การต่อพ่วงอย่าง
ถูกวิธีไว้บ้าง เริ่มจากจอดรถใกล้กันแต่อย่าให้สัมผัสกัน ใช้สายพ่วงที่ใหญ่
แต่ไม่ยาวเกินไป จากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

1. ต่อขั้วบวก (+) ของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่
ลูกที่ไฟหมด
2. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่
ลูกที่ดี

3. ต่อขั้วลบ (-) ของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่ลูกที่ดี
4. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับโครงรถคันที่แบตเตอรี่ไฟหมด
5. เมื่อสตาร์ทรถยนต์คันที่ไฟหมด ติดแล้ว จึงค่อยถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ทวนตามลำดับที่กล่าวมาข้า งต้น







การที่คุณจอดรถไว้โดยไม่ได้ใช้งานเกิน 2 สัปดาห์ จะมีผลกับแบตเตอรี่ของคุณ
แน่นอน เพราะแบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟออกมาตลอดเวลา ถ้าไม่มีการชาร์จ
ไฟเข้า แผ่นธาตุภายในจะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ แต่ถ้า
จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ควรเก็บรักษาแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถนำแบตเตอรี่กลับ
ไปใช้งานได้อีก ตามวิธีดังนี้ คือ

- การเก็บแบตเตอรี่แบบแห้ง (Dry Storage)

เป็นการเก็บแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีสารละลายอยู่ในแบตเต อรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็บ
แบตเตอรี่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานใหม่ๆ เมื่อต้องการจะใช้งานก็จะนำแบตเตอรี่
ไปเติมสารละลายและประจุไฟฟ้าให้เต็ม แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมีสารละลาย
อยู่ภายในแบตเตอรี่ การเก็บให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากรถนำไปชาร์จไฟให้เต็มแล ้ว
เทน้ำยาทิ้ง ใช้น้ำกลั่นล้างแล้วเทคว่ำให้แห้ง เมื่อต้องการจะใช้แบตเตอรี่ก็นำไปเติม
น้ำยาและชาร์จไฟใหม่


- การเก็บแบตเตอรี่แบบเปียก (Wet Storage)

แบตเตอรี่ถึงแม้จะชาร์จไฟเต็มแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะสามารถคายประจุไฟออกมาเอง ดังนั้นการเก็บแบตเตอรี่ในขณะที่แบตเตอรี่
มีน้ำกรดอยู่ภายใน ควรนำไปประจุไฟทุกๆ 15 วัน การเก็บแบตเตอรี่แบบนี้ถือว่าเป็นการจัดเก็บแบบชั่วค ราว เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่
เสื่อมสภาพ อย่าลืมเก็บแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีนะครับ






หากแบตเตอรี่หมดสภาพ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และแบตเตอรี่
ลูกเดิมมีแอมป์ไม่สูงนัก ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ลูกใหญ่ขึ้น แอมป์สูงขึ้น
ด้วยราคาที่สูงกว่ากันเพียงไม่กี่ร้อยบาท แต่จะทำให้รถยนต์ของคุณมีกำลังไฟฟ้า
สำรองมากขึ้น กำลังไฟฟ้าแรงขึ้น และทำให้ไดชาร์จทำงานหนักน้อยลง ทำให้
ไม่พังง่าย ฉะนั้นเมื่อแบตเตอรี่หมดสภาพหรือมีการติดตั้งอุปกรณ์ ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ควรคำนึงถึงคำถามที่ว่า "เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม" นี้ด้วย
เพราะเสียเงินเพิ่มไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้สิ่งที่คุ้มค่ากว่ากลับคืนมา





หากไดชาร์จปกติ แบตเตอรี่ไม่เสื่อม และไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจนกิน
กระแสไฟฟ้ามากเกินไปแบตเตอรี่จะไม่มีการหมด นอกจากในเครื่องยนต์รอบเดินเบา
ไดชาร์จผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าการใช้อยู่มาก และจอดนิ่งนานหลายชั่วโมง แบตเตอรี่
ี่อาจหมดได้ ซึ่งไม่ค่อยพบปัญหานี้ในการใช้งานบนสภาพจราจรปกติ เพราะในการใช้
รถยนต์ เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าจากหลายอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ แอร์ เครื่องเสียง ไฟส่อง
สว่าง ฯลฯ ก็จะมีไดชาร์จคอยส่งไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้คืนกลับเข ้าไปสู่แบตเตอรี่
อยู่ตลอด หากแบตเตอรี่หมด เพราะไดชาร์จผิดปกติ คือผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่
แบตเตอรี่ ยังไม่หมดสภาพจะมีการดึงไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ไปใช้เร ื่อยๆ ก็แค่
ซ่อมแซมระบบไดชาร์จให้เป็นปกติ ใช้เครื่องประจุแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือทำให้
เครื่องยนต์ติดแล้วให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่แบตเต อรี่ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ
หลังจอดรถยนต์ไว้ ถ้าแบตเตอรี่หมดหรือกระแสไฟฟ้าอ่อนลงมากจนไดสตาร์ตหม ุน
เครื่องยนต์ไม่ไหว ขณะที่ระบบไดชาร์จและเครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าแบตเตอรี่
หมดสภาพ ก็ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้วคราวนี้





การดูแลรักษาแบตเตอรี่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของรถ ยนต์ให้ใช้งานได้นานนั้น
ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกสัปด าห์ โดยเติม
น้ำกลั่นให้ปริมาณได้ระดับอยู่เสมอ หากถ้าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบบที่มีผิวด้าน
ข้างใส ก็สามารถส่องดูจากด้านข้างแบตเตอรี่ได้ แต่ถ้าแบตเตอรี่เป็นแบบผิวทึบ
หรือมองจากทางด้านข้างของแบตเตอรี่ไม่สะดวก ก็ให้เติมน้ำกลั่นให้ท่วมแถบ
แผ่นธาตุไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร

ไม่ควรใช้น้ำกรองหรือใช้น้ำที่ไม่ใช่น้ำกลั่นเติมแบต เตอรี่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง
AEK_Korat is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 5 Users Say Thank You to AEK_Korat For This Useful Post:
Dittapong (21-10-2009), Lucky (03-06-2011), pipermann (15-11-2009), printset (27-09-2016), tatizoodlor (31-07-2013)
เก่า 19-12-2008, 15:04   #4
AEK_Korat
Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: Mitsubishi Strada
Engine Type: 2J Turbo
ที่อยู่: ห้วยแถลง โคราช
อายุ: 42
กระทู้: 26
Thanks: 4
Thanked 25 Times in 12 Posts
คะแนน: 0 AEK_Korat is on a distinguished road
ให้เครดิตที่นี่นะครับ
http://www.fortuner-club.com/webboar....asp?QID=22328
AEK_Korat is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 3 Users Say Thank You to AEK_Korat For This Useful Post:
Lucky (03-06-2011), printset (27-09-2016), tatizoodlor (31-07-2013)
เก่า 19-12-2008, 15:06   #5
AEK_Korat
Member
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: Mitsubishi Strada
Engine Type: 2J Turbo
ที่อยู่: ห้วยแถลง โคราช
อายุ: 42
กระทู้: 26
Thanks: 4
Thanked 25 Times in 12 Posts
คะแนน: 0 AEK_Korat is on a distinguished road
ที่นี่ก็เจ๋งครับ
http://www.betterchoice.co.th/tip/battery.htm#top
AEK_Korat is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 2 Users Say Thank You to AEK_Korat For This Useful Post:
Lucky (03-06-2011), printset (27-09-2016)
ตอบกลับ



กฎการส่งข้อความ
คุณไม่สามารถเริ่มหัวข้อใหม่ได้
คุณไม่สามารถตอบกระทู้ได้
คุณไม่สามารถแนบไฟล์ได้
คุณไม่สามารถแก้ไขกระทู้ของคุณเองได้

โค้ด vB ใช้ได้
[IMG] โค้ด ใช้ได้
โค้ด HTML ใช้ได้
กระโดดไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:18


Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels