ClubJZ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ใช้งานเครื่องยนต์ JZ ทุกรุ่น เพื่อที่จะใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ระหว่างกันโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เราหวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังหาข้อมูล และผู้ที่มีปัญหาในการ ใช้งาน เครื่อง JZ ไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญที่สุด ที่ทุกๆคนจะได้จาก ClubJZ นี้นั่นคือ มิตรภาพที่เรามีให้กับทุกๆท่านครับ.

Loading
Search In ClubJZ.net


กลับไป   ClubJZ Forums > ClubJZ ! Main Forums > ClubJZ! Useful Information
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน กระทู้ใหม่วันนี้
ประชาสัมพันธ์ ClubJZ!

1. Login สีส้ม และสีฟ้าไม่อนุญาติให้มีลายเซ็นตั้งแต่วันที่ 07/09/09 เป็นต้นไป

2. ขอเชิญ ผู้ใช้งาน ที่ Login เป็นสีส้ม มาแนะนำตัว ( ชื่อ,รถ,เครื่องยนต์ และเบอร์ติดต่อ) เพื่อเปลี่ยนมาเป็น ClubJZ Member ที่นี่ ครับ

3. User ที่สมัครใหม่ รอ Activate ผ่าน Email ทีกรอกมาด้วยนะครับ User นั้นถึงจะใช้งานได้ ครับ



ClubJZ! Useful Information คลังเก็บกระทู้ข้อมูล ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเครื่องยนต์ JZ! ครับ

 
 
คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
เก่า 10-08-2009, 11:38   #1
Moonlight
Super Moderator
 
รูปส่วนตัว Moonlight
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: My Brand
Engine Type: 2JZ-GE VVT-i A/T
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
กระทู้: 1,768
Thanks: 633
Thanked 8,042 Times in 1,296 Posts
คะแนน: 19 Moonlight is on a distinguished road
ส่งข้อความผ่าน MSN ถึง Moonlight
ประสพการณ์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างขับขี่ตลอด 7 วัน และการแก้ไข

ช่วง 7 วันที่ผ่านมานี้ ผมมีความจำเป็นที่จะต้องขับรถออกต่างจังหวัด ระยะไกลพอสำควร แต่เนื่องด้วย ต้องทำงาน จึงจำเป็นที่จะต้องขับรถกลับบ้านทุกวัน จึงมีเรื่องราวความผิดปกติในระหว่างใช้งาน ที่เกิดขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง เป็นข้อมูลวิทยาทานครับผม

ก่อนออกเดินทางวันแรก ผมได้ตรวจสอบทุกอย่างพร้อมมูล ทั้งเรื่องระดับน้ำในหม้อน้ำ ระดับน้ำในถังพักน้ำ ระดับน้ำมันเกียร์ช่วงเครื่องร้อน ระดับน้ำมันเบรค (คุณภาพน้ำมันเบรค DOT4 เพิ่งเปลี่ยนถ่ายไม่นาน) เครื่องมือซ่อมงานฉุกเฉิน ตรวจเช็คลมยางทั้ง 5 ล้อ โดยลมยางที่ลงพื้น เติมเพิ่มขึ้นจากปกติ 3 ปอนด์ ส่วนลมยางอะไหล่ เติมเผื่อไว้ให้สูงกว่าปกติครับ ตรวจเช็คอะไหล่ฟิวส์ ตรวจเช็คระบบไฟฟ้าทั้งหมด เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็ลุยเลยครับ

วันแรกที่ขับรถ สมรรถนะการขับขี่ดีมาก ขับด้วยความเร็วสูงได้นิ่งสนิทดี การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง อยู่ในเกณฑ์ดีครับ แต่พอขับๆไประยะหนึ่ง เกิดความรู้สึกว่า ช่วงกระเทือนเมื่อถนนขรุขระ จะมีเสียงก๊อกๆ กระเทือนมาที่เท้าที่เหยียบคันเร่งและแป้นเบรค ทำให้เกิดความกังวลว่า ช่วงล่างด้านหน้าเราผิดปกติ เสียแล้ว แต่ว่า ผมก็ได้ตรวจเช็คระบบบูชปีกนกบนล่าง ลูกหมากคันชักคันส่ง ทั้งหมดดีแล้วนี่นา แล้วทำไมจึงมีการคลอนเกิดขึ้นได้ เพื่อป้องกันไว้ก่อน จึงลดระดับความเร็วในการขับขี่ลงครับ แต่มาสังเกตุได้อีกอย่างหนึ่งคือว่า เสียงที่ดังก๊อกๆและมากระเทือนที่เท้านั้น ไม่ได้เป็นช่วงกระเทือนขึ้นลงเท่านั้น มันดังและกระเทือน ช่วงขับเคลื่อนรถออกตัวด้วย แสดงว่า การคลอนของอะไรก็ตาม เกิดขึ้นในระดับขยับตัวจากหน้าไปหลังด้วย (กระเทือนในแนวระนาบ) ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่ เพราะว่า ลักษณะแบบนี้ แสดงถึงการหลวม แรกๆคิดถึง น๊อตล๊อคหูยึดโช๊คอัพ, บูชปีกนกบน พอเกิดอาการเช่นนี้ ตัดประเด็นน๊อตยึดหูโช๊คอัพทิ้งได้เลย ตัดประเด็นลูกหมากออกไปด้วย เพราะว่า ไม่มีอาการหลวมคลอนมาที่พวงมาลัย หรือมีเสียงดังตอนหมุนพวงมาลัย หรือพวงมาลัยดึงไปข้างหนึ่ง คืนนั้นกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพครับ แต่พกพาปัญหาให้นอนคิดทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น สั่งลูกน้องถอดล้อหน้า ยกรถขึ้นสูง ตรวจสอบระบบช่วงล่าง แต่แปลกมากครับ ตรวจสอบความผิดปกติไม่เจอ ลูกหมากและบูชทุกตัว แน่นนิ่งสวยงามดี น๊อตหูโช๊คฯ ก็เรียบร้อย เอาล่ะซิ อะไรมาหลอกหลอนเรา จะว่าเป็นที่ลูกปืนล้อ อาการและเสียงที่เกิดขึ้น ก็ไม่น่าใช่ แต่เพื่อความไม่ประมาท ก็ลองใส่ล้อแล้ว ขยับล้อไปมา ก็ไม่มีอาการหลวมคลอนหรือเสียงดัง ตอนที่จับล้อขยับ เกิดไปสังเกตุเห็นว่า ดอกยางล้อหน้าสึกมากกว่ายางล้อหลัง จึงสั่งลูกน้อง สลับล้อหลังมาหน้า หน้าไปหลัง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จึงรอช่วงบ่าย เตรียมออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

วันที่สอง การขับขี่ต่างๆ ดีเหมือนวันแรก เฝ้าสังเกตุเสียงและการกระเทือนมาที่เท้า แรกๆไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สมรรถนะดีเยี่ยม ก็สบายใจว่า เราอาจจะคิดไปเอง ไม่มีอะไร แต่ที่ไหนได้ ขับไปได้อีกระยะหนึ่ง อาการเก่าเกิดขึ้นอีกแล้ว ความระแวงทำให้ ไม่กล้าที่จะขับรถเร็ว ขับไปก็คิดไปสังเกตุไป คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ตั้งใจว่า วันรุ่งขึ้นจะต้องจับตัวการให้ได้

เช้าวันต่อมา ยกรถตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ ก็ตรวจหาไม่เจอครับ ตั้งใจว่า ถ้าวันนี้ มีเสียงดังอีก จะต้องเปลี่ยนบูชท์และลูกหมากให้หมดทุกตัวเลย เพราะว่า ผมเองติดนิสัยที่จะต้องทำให้ทุกอย่างดีพร้อม จึงจะกล้าขับขี่อย่างมั่นใจครับ พอดีลูกน้องมาบอกผมว่า ยางมีอายุปีกว่าเกือบ 2 ปีแล้ว (ดูจากตัวเลขที่หน้ายาง) ผมจึงตัดสินใจขับรถไปเปลี่ยนยางทั้ง 4 เส้น (ยางอะไหล่ไม่ได้เปลี่ยนเพราะว่า ตั้งแต่ซื้อยางใหม่มายังไม่เคยได้แตะพื้นเลยครับ) หมดไปหมื่นกว่าบาท กระเป๋าเบาขึ้นเลยครับ

วันที่สาม การขับขี่เปลี่ยนไปครับ เสียงยางที่บดกับพื้นเงียบไปเยอะ และที่สำคัญ ก็คือ เสียงที่ดังก๊อกๆ และการกระเทือนมาที่เท้านั้น หายสนิทไปเลยครับ จึงรู้ว่า เป็นที่ยางนี่เองครับ เป็นเพราะว่า ยางเก่า อยู่ในสภาพยางไม่นิ่มแล้ว เมื่อยางแข็งเวลาเกิดการกระเทือน จะไม่ช่วยซับแรง ดังนั้นแรงกระเทือนทั้งหมดจะส่งมาที่อุปกรณ์รองรับทั ้งหมด ถ้ากระเทือนในแนวดิ่ง จะมีบูชปีกนกและโช๊คอัพเป็นตัวรองรับการกระเทือนอยู่ จึงไม่แสดงอาการใดใด แต่พอมีแรงส่งให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า จึงเกิดการกระเทือนในแนวราบ บูชปีกนก ไม่ได้ทำขึ้นมารองรับการกระเทือนเช่นนี้ จึงเกิดการขยับตัวในแนวขวาง จึงไปกระแทกกับ เบ้าที่สวมใส่โช๊คอัพ กระแทกแตะนิดเดียว ก็มีเสียงและส่งแรงกระเทือนมาที่เท้าแล้วครับ หลังจากได้เปลี่ยนยางใหม่ เนื้อยางนิ่มขึ้น จึงช่วยรองรับซับแรงกระเทือนได้ระดับหนึ่ง ทุกอย่างจึงเข้าสู่ภาวะปกติครับ

ถามว่า แล้วทำไมตอนยกรถตรวจสอบ จึงไม่พบสิ่งผิดปกติ ขอตอบว่า เป็นเพราะว่า ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ กำลังในการโยกรถตรวจสอบ โดยใช้แค่กำลังคนโยก ไม่เพียงพอต่อการเกิดผิดปกติครับ เพราะว่า เวลาใช้งานจริง น้ำหนักของรถที่กด และกำลังเครื่องยนต์ 3000 ซีซี ที่ออกตัวซึ่งด้วยระบบ VVT-i ที่มีแรงบิดมาก จึงทำให้เกิดกำลังมหาศาลส่งการกระเทือนในแนวราบครับผ ม พอกล่าวถึงเรื่อง ระบบ VVT-i นี้ ทำให้อยากจะเล่าเรื่องว่า รถที่ขับแข่งความเร็วกันบนถนนเส้นทางเดียวกัน พอมีเหตุให้ต้องหยุดรถ เช่นติดไฟเขียวไฟแดง ถ้ารถผมอยู่หน้าสุด เวลาออกตัวทีไร ยังไม่มีรถคันไหนแซงหน้ารถผมได้เลยครับ มองไปที่กระจกมองหลังทีไร อย่าว่าแต่มองไม่รู้ว่ายี่ห้อรถหลังหรือข้างๆยี่ห้ออ ะไรเลย มันเล็กจนไม่รู้ว่ารถอะไรด้วยซ้ำไปครับ นี่คือข้อดีของระบบ VVT-i ครับ

หลังจากนั้น ก็ขับปกติเรื่อยมาจนกระทั่งวันที่ 6 ระหว่างขับอยู่ คนนั่งข้างๆ สะกิดบอกว่า มีไฟแดงขึ้นที่หน้าปัด ผมจึงชะลอรถ แล้วมองมาที่หน้าปัด เห็นไฟแดงโชว์รูปเครื่องยนต์ ก็ทราบแล้วว่า ต้องมีเซนเซอร์อะไรบางอย่างผิดปกติ แต่ว่า เครื่องยนต์เดินเรียบ ไฟโชว์ที่หน้าปัดอย่างอื่นไม่ขึ้น คนนั่งข้างๆถามว่า ต้องหยุดรถตรวจมั้ย ผมจึงบอกไปว่า ไม่จำเป็น เพราะว่า ช่วงนั้นดึกแล้วและเครื่องยนต์ยังเดินเรียบไม่สะดุด ไฟและเสียงบอกเหตุอื่นๆ ไม่มีแจ้งสัญญาณ (ผมทำระบบเสียงเตือนภัยฉุกเฉินไว้ด้วยครับ) จึงขับต่อไปเรื่อยๆครับ แต่ว่า ปรับสวิทช์ที่ OBD I ตรวจดูเซนเซอร์ ไปเรื่อยๆ หาดูค่าความผิดปกติ จึงเห็นว่า ค่า A/F เป็น 0 จึงทราบว่า อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ไม่ทำงาน อ๊อกวิเจนเซนเซอร์ตัวนี้ ถ้าไม่ทำงาน จะมีผลกระทบเพียงแค่ การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื่อเพลิงในบางช่วงเท่านั้นครับ ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ครับ จึงขับต่อไปเรื่อยๆ และตั้งใจว่า วันรุ่งขึ้นจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีครับ

เช้าวันอาทิตย์ หลังจากพูดคุยกับสมาชิกในเวปบอร์ดนี้แล้ว จึงเตรียมเครื่องมือเพื่อตรวจสอบระบบไฟฟ้ารถยนต์มีดั งนี้ครับ สายไฟยาวประมาณ 3 นิ้ว 1 เส้น มัลติมิเตอร์ และเครื่องมือช่าง โดยขั้นแรก คือการเช็คโค๊ดเอนจิ้น โดยวิธีการเอาสายไฟจั๊มไปที่ TE1 - E1 และบิดสวิทช์กุญแจมาที่ on ไฟโชว์เครื่องยนต์ จะกระพริบเป็นจังหวะบอกว่า Error หมายเลขอะไร จริงๆแล้ว OBD I สามารถตรวจสอบ Engine Error Code ได้เช่นกันครับ แต่ว่า ผมเห็นว่านิดเดียว ขี้เกียจเปลี่ยนปลั๊ก (ผมทำปลั๊กพิเศษขึ้นมาสำหรับสลับสับเปลี่ยน) และเอา Note-Book มาเปิดดูครับ สรุปว่า ได้โค๊ดออกมา คือ
  • 14 - ระบบจุดระเบิด
  • 21 - อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ (ตามคาด)
  • 25 - ส่วนผสมบาง

ซึ่งหมายเลข 14 และหมายเลข 25 เป็นผลกระทบมาจาก อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ไม่ทำงานครับ
การที่อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ ไม่ทำงานหรือทำงานส่งสัญญาณมาผิดปกตินั้น อาจจะเกิดขึ้นได้จาก ฮีทเตอร์ที่ตัวอ๊อกซิเจนเซนเซอร์ ไม่ทำงานหรือลัดวงจรก็ได้ครับ ดังนั้น ผมจึงทำการเริ่มตรวจสอบจาก ระบบฮีทเตอร์ โดยการถอดปลั๊กอ๊อกซิเจนเซนเซอร์ออก แล้วเอามัลติมิเตอร์ วัดค่า โอห์มที่ปลั๊กระหว่าง HT กับ B+ ซึ่งถ้าได้ค่าเพี้ยนจาก 5.1 - 6.3 โอห์ม ก็แสดงว่า ฮีทเตอร์ชำรุดหรือลัดวงจร ต้องเปลี่ยนครับ แต่บังเอิญผมวัดได้อยู่ในเกณฑ์ จึงคิดว่า ปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัว อ๊อกซิเจนเซนเซอร์เอง แต่ว่า โดยปกติ อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ ไม่ได้เสียง่ายๆ และถ้าจะวัดความผิดปกติ ต้องวัดช่วงที่ เครื่องยนต์ร้อนแล้ว (ฮีทเตอร์ทำงานแล้ว) โดยต้องใช้มัลติมิเตอร์วัดค่าโวล์ท ออกมาจะต้องได้ค่า 0.1 - 0.9 โวล์ท ขึ้นอยู่กับอุณหภูิมิของเครื่องยนต์ครับ ซึ่งคงไม่สะดวกสำหรับผมในการวัดตอนนั้นแน่ครับ เพราะว่า ถ้าถึงแม้ว่า อ๊อกซิเจนชำรุดจริง ผมก็จะต้องซื้อมาเปลี่ยนในวันจันทร์ จึงทำการ เสียบปลั๊กกลับเข้าที่เดิมก่อน และทำการรีเซทกล่อง โดยการ ถอดฟิวส์ EFI ขนาด 15 แอมป์ออก รอซักพักแล้วเสียบกลับเข้าที่เดิมครับ

แต่ว่า ตอนบ่ายได้ขับใช้งานปกติ เฝ้าสังเกตุไฟโชว์เครื่องยนต์ ก็ไม่ขึ้น ปรับสวิทช์ OBD I ดูค่า A/F ก็ขึ้น 14.7 นั่นก็แสดงว่า อ๊อกซิเจนเซนเซอร์ทำงานปกติแล้ว รอดตัวไปครับ คิดว่าความผิดปกติ น่าจะเกิดจากปลั๊กหลวมครับ
__________________
JZM - 5
Moonlight is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 4 Users Say Thank You to Moonlight For This Useful Post:
A31@udon (24-12-2011), Jamisquatar (20-01-2013), lording1 (14-01-2012), printset (16-10-2016)
 



กฎการส่งข้อความ
คุณไม่สามารถเริ่มหัวข้อใหม่ได้
คุณไม่สามารถตอบกระทู้ได้
คุณไม่สามารถแนบไฟล์ได้
คุณไม่สามารถแก้ไขกระทู้ของคุณเองได้

โค้ด vB ใช้ได้
[IMG] โค้ด ใช้ได้
โค้ด HTML ใช้ได้
กระโดดไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:28


Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels