เกียวกับการขับรถเบื้องต้น

[mungkorn2]

ไปเจอบทความดีๆ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเราในอนาคต ลองอ่านดูจ้ะ credit BFGoodrich

IN THE PITS

สตาร์ทเครื่อง เข้าเกียร์เป็น เหยียบคันเร่งได้ ขับให้เร็วเข้าไว้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นนักแข่งได้แล้วไช่หรือไม่
คำตอบก็คือ"ไม่" อย่าว่าแต่เป็นนักแข่งเลยครับ ยังไม่เข้าขั้นนักขับที่เก่งด้วยซ้ำไป ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าการที่จะเป็น
นักขับที่เก่งจนถึงขั้นมือโปรได้เราต้องรู้เรื่องพื้ นฐานอะไรบ้าง

หลายคนมักเข้าใจว่ากำลังของเครื่องยนต์ สมรรถนะของช่วงล่าง หรือแม้กระทั่งระบบอัจฉริยะของรถยนต์เป็น

..........สิ่งสำคัญในการขับขี่ ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น รู้มั้ยครับว่าสิ่งที่สำคัญและอันตรายที่สุดของรถอยู ่ที่บริเวณ

หลังพวงมาลัย ไม่ต้องงงครับคุณคิดถูกแล้วมันคือคนขับ หรือตัวคุณเองนั่นแหละ และตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เรา

ขับรถได้ดีหรือไม่ก็คือความพร้อมของเรา ซึ่งความพร้อมนี้มิได้หมายถึงแค่ความพร้อมที่จะอยากอ อกไปรีดความแรงของ

รถ แต่เป็นความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเพราะจะเป็นตัวช ่วยทำให้คุณมีปฏิกริยาตอบสนองต่อการควบคุมรถได้ดียิ่ งขึ้น

ที่สูงไปกว่านั้น คือการฝึกฝนให้ตัวเองมีการตัดสินใจที่ฉับไวกับสถาณกา ร์ณตรงหน้า โดยมีภาวะความตึงเครียดน้อยที่สุด

หรือไม่มีเลย ถ้าฝึกได้ถึงขั้นนี้แล้วก็หมายความว่า คุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะนั่งอยู่หลังพวงมาลัย แล้วการเตรียมตัว

อีกอย่างหนึ่งคือ การรู้จักรถที่คุณเลือกเป็นเพื่อนรู้ใจ เพราะคุณกำลังต้องการควบคุมม้าเป็นร้อยๆตัวที่อยู่ไต ้ฝากระโปรง

ความรู้เกี่ยวกับรถที่ขับอยู่จะทำให้คุณสามารถปรับเท คนิคการขับให้เหมาะสม ดึงความเด่นของรถมาใช้และควบคุม

อาการของรถได้แม้ในสถานการณ์คับขัน ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยที่จะตามมานั่นเอง
สเปคพื้นฐานทั่วไป เช่นขับหน้า ขับหลัง ขับสี่ จะมีผลอย่างมากในการควบคุมรถ โดยเฉพาะตอนเข้าโค้ง

แรงม้า แรงอัด แรงบิด บองถึงความสามารถในช่วงเร่งแซง ไม่ใช่เพื่อให้เราไว้ซิ่งอย่างเดียวและที่ทุกคนมักจะ มองข้าม

คือ การเลือกใช้ยางให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือสมรรถน ะของยาง ซึ่งมีคนมักเข้าใจผิดคิดว่าหน้าใหญ่ แก้มเตี้ย

ดอกยางสวยก็พอ แต่อย่าลืมว่ายางเป็นส่วนเดียวของรถที่ติดกับถนนและม ีพื้นที่ขนาดหนึ่งฝ่ามือกว่าๆ ถ้ารักจะขับรถเร็ว

ต้องรู้จักเลือกยางที่มีสมรรถนะดีจริง อย่ามัวแต่แต่งส่วนอื่นๆของรถซะเพลินแล้วลืมความสำคั ญของยางไป ไม่อย่างนั้น

อาจจะต้องจ่ายหนักกว่าเดิมถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น

BASIC OF PERFORMANCE DRIVING

การจับพวงมาลัย

คาดไม่ถึงไช่มั้ยว่า แค่เรื่องการจับพวงมาลัยก็สามารถทำให้เราควบคุมทิศทา งของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจับพวงมาลัยที่ถือว่าเป็นมาตรฐานที่สุดคือ การจับที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาและ 9 นาฬิกา โดยลักษณะการจับจะ
เหมือนการใช้ฝ่ามือโอบพวงมาลัย และนิ้วหัวแม่มือพักอยู่ด้านนอก (ไม่ใช้มือกำพวงมาลัย) โดยเฉพาะรถoff road
ที่ไม่อนุญาตให้สอดนิ้วเข้าไปในพวงมาลัยโดยเด็ดขาด แพราะพวงมาลัยอาจจะสะบัดเวลารถตกหลุม จะทำไห้นิ้วหัวแม่มือ
หักได้ ข้อศอกของคุณควรจะต้องอยู่ในลักษณะงอเล็กน้อยเมื่อทำ การเลี้ยวจนสุด นั่นคือคุณไม่ควรจะนั่งห่างจาก
พวงมาลัยมากนัก ซึ่งมันจะช่วยให้คุณตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสถาน การณ์คับขันได้อย่างทันท่วงที

การหมุนพวงมาลัย

แล้ววิธีหมุนพวงมาลัยล่ะ? ไม่มีการกำหนดกฏเกณฑ์การหมุนพวงมาลัยอย่างแน่ชัด แต่ที่แน่ๆ การหมุนพวงมาลัย
โดยใช้ฝ่ามือหมุนถือเป็นวิธีที่ผิดแน่นอน และอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างคาดไม่ถึง เพราะฝ่ามืออาจลื่นไถลหลุดจาก
พวงมาลัยได้...ใครใช้วิธีนี้เลิกซะนะครับ ในอดีตการหมุนพวงมาลัยแบบสาว(shuffle)เคยถูกพิจารณาว ่าเป็นวิธืที่ถูกต้อง
เพราะว่ามันช่วยหลีกเลี่ยงการขัดกันของแขนเมื่อทำการ เลี้ยว แต่ในปัจจุบันการเลี้ยวแบบไขว้มือถือเป็นวิธีที่ดีที ่สุด
เนื่องจากว่ามือของผู้ขับขี่จะชี้ไปในทิศทางที่รถกำล ังจะไป ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้ว่าล้อหน้าของรถกำลังมุ่งตรงไปทา งไหน
และถ้าคุณเป็นอีกคนที่ใช้พวงมาลัยเป็นที่ยึดตัวเองเว ลาเข้าโค้งแรงๆแสดงว่าคุณกำลังนั่งผิดท่า หรือไม่ก็ใช้เก้าอี้ที่
ไม่สามารถยึดตัวคุณให้อยู่กับที่ได้มากพอ เพื่อลดความพะวงในเรื่องการทรงตัวระหว่างการเข้าโค้ง คุณควรปรับตำแหน่ง
การนั่งให้เหมาะสม หรือถ้าต้องขับในสนามแข่งควรหาเบาะที่มีลักษณะห่อร่า งกายคุณได้มากกว่าเดิม(bucket seat)


ขับเร็วแค่ไหนถึงเรียกว่าเจ๋ง

นักขับมากมายที่เข้าใจผิดว่า ความกล้าบ้าบิ่นในการเหยียบคันเร่งจนมิดเกจ์เป็นตัวบ อกทักษะการขับขี่
ซึ่งความจริงแล้วนักแข่งมืออาชีพรู้ดีว่า เป้าหมายของการขับรถไม่ใช่อยู่ที่ความเร็วเพียงอย่าง เดียว แต่เป็นความ
สามารถในการควบคุมรถให้ได้ดั่งที่ต้องการหรือที่เรีย กว่า take control ซึ่งจะต้องอาศัยความพร้อมทั้งทาง
ร่างกาย จิตใจ และทักษะการควบคุมรถรวมถึงสมรรถนะของรถและยางที่ใช้ด ้วย ความสามารถและความเนียน
ในการควบคุมให้รถไปอย่างที่เราต้องการเป็นสิ่งสำคัญก ว่าความเร็ว

THE FRONT SEAT

ที่ผ่านมาในช่วง in the pits เป็นความรู้พื้นฐานสำหรับคุณที่อยากเป็นนักขับที่ดี แต่จะเริ่มต้นเป็นนักขับ
ที่เก่งหรือนักแข่งที่เก่งได้นั้น ยังจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกอีกมากอย่าลืมว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการขับขี่คือการที่เรา
ต้องควบคุมรถให้ได้อย่างที่เราต้องการ หรือ take control นั่นเอง ถัดจากนี้ไปเราจะเริ่มเข้าสู่เทคนิคการขับ
แบบ performance driving ขั้นค้นสำหรับนักขับขี่ที่อยาก take control ให้เก่งขึ้น หรือกระทั่งผุ้ที่อยาก
ก้าวขึ้นไปเป็นนักแข่ง อ่านอย่างเดียวไม่พอต้องฝึกฝนตามไปด้วย แล้วฝีมือจะตามมาเองแน่ๆ

[mungkorn2]

การใช้เท้าซ้ายในการเบรค

.............โดยปกติคุณจะใช้เท้าขวาในการเหยียบคันเ ร่งและเบรก แต่สำหรับวิธีนี้จะเป็นการใช้เท้าที่เหยียบคลัต ช์
มาทำการเหยียบเบรกด้วย วิธีนี้เป็นวิธีการที่นักแข่งรถมืออาชีพใช้ ผลดีของวิธีนี้คือนักแข่งจะสามารถรักษา
ระดับแรงบิดของรถได้ นั่นคือสามารถสร้างความสมดุลย์ระหว่างคันเร่งและเบรก ในเวลาเดียวกัน แต่เดี๋ยวก่อน
วิธีนี้ต้องได้รับการฝึกฝนก่อนมีการใช้งานจริง คุณไม่ควรใช้บนถนนทั่วๆไปขอเตือน...!!!!

วิธีการเปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าโค้ง เพื่อไม่ให้รถกำลังตก

.............เมื่อคุณต้องขับรถเข้าโค้ง คุณควรจะเปลี่ยนเกียร์ก่อนเข้าโค้ง และเลือกเกียร์ที่ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิด
มากพอที่จะส่งให้รถออกจากโค้ง หลักการที่ง่ายที่สุดคือการใช้เกียร์ที่ให้รอบเครื่อ งอยู่ในช่วงที่มีแรงบิดสูงสุด
ในขณะที่รถวิ่งอยู่ ณ จุดกึ่งกลางโค้ง นอกจากนี้ในบางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้การเปลี่ยนเกียร ์แบบสั้นๆ เพื่อให้
เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทั้งยังสามารถรักษาระดับความเร้วของรถไว้ได้เช่ นกัน

การเลือกใช้เกียร์ขณะขับขี่

การเลือกใช้เกียร์ที่แตกต่างกันมีผลต่อการขับขี่อย่า งแน่นอน เรามาดูกันดีกว่า....

close gearbox ratio คือชุดเกียร์ที่มีอัตราทดของเฟืองที่ไกล้เคียงก ัน (ชิดกัน) มักจะใช้กับเครื่องยนต์ทีมี
รอบที่ให้แรงบิดสูง แคบ รถยนต์ที่ใช้ห้องเกียร์แบบนี้จะให้อัตราเร่งที่ ดี แต่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยทำให้เสียเวลา
และเสียแรงขับของเครื่องระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ในขณ ะที่วิ่งอยู่ในโค้งอีกด้วย

talgearbox ratioler คือชุดเกียร์ที่มีอัตราทดของเฟืองเกียร์ที่ห่าง กัน มักจะใช้กับเครื่องยนต์ที่มีรอบที่ให้
แรงบิดที่กว้าง ซึ่งเครื่องยนต์แบบนี้จะสร้างได้ยากกว่าเครื่องที่มี รอบแรงบิดแคบ และมักระต้องใช้เทคโนโลยี
พวกวาล์วแปรผันมาช่วยให้แรงบิดไม่ตกเร็วเกินไปรถที่ใ ช้เกียร์แบบนี้อาจจะทำให้มีอัตราเร่งออกตัวไม่ด ี แต่เวลา
ที่ขับในสนามจะไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ในโค้ง ทำให้ไม่เสียเวลาไปกับการเปลี่ยนเกียร์หรือ
เสียจังหวะควบคุมรถ



PERFORMANCE DRIVING TECHNIQUE

เทคนิคการเพิ่มหรือลดขนาดวงเลี้ยวโดยใช้คันเร่ง(thro ttle steer)

........ใช้ในการปรับมุมเลี้ยวโดยไม่จำเป็นต้องหมุนพ วงมาลัย เทคนิคนี้มักใช้กันมากในการเข้าโค้งที่มีความโค ้ง
ไม่คงที่ ผู้ขับขี่บางคนอาจจะเลือกวิธีที่ธรรมดากว่าคือการใช้ หมุนพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนมุมเลี้ยวให้เปลี่ยนไป ตาม
ความโค้งที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามวิธีรรมดานี้อาจทำได้ยากในสถานการณ์การเ ข้าโค้งที่มีความเร็วสูง การเปลี่ยน
มุมพวงมาลัยผิดไปเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดที ่รุนแรงได้อย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยเหตุนี้เอง throttle
steer จึงเป็นเทคนิคที่ช่วยให้นักขับสามารถปรับมุมเลี้ยวได ้ด้วยการเหยียบคันเร่ง โดยรักษามุมพวงมาลัยไว้เท่าเดิม
โดยในกรณีที่ความโค้งของถนนเปลี่ยนจากโค้งที่แคบไปเป ็นโค้งที่กว้าง นักขับรถสามารถกดคันเร่งเพื่อเพิ่มแรงบิด
ให้หน้ารถยกขึ้นเล็กน้อย ยางหน้าจะสัมผัสถนนได้น้อยลง รถก็จะวิ่งเป็นแนวโค้งที่กว้างขึ้นเองอย่างแม่น ยำ
เราสามารถค่อยๆกดคันเร่งให้เกิดแรงบิดได้ทีละน้อยๆได ้ค่อนข้างง่ายอยู่แล้ว

ในทางตรงกันข้ามหากวิ่งจากโค้งที่กว้างมาสู่โค้ งแคบ นักขับสามารถลดคันเร่งลงเพื่อให้แรงบิดของเครื่ อง
ลดลง ทำให้หน้ารถกดลงกดยางหน้าให้สัมผัสถนนได้มากขึ้ น รถจะสามารถเข้าโค้งได้แคบลง สำหรับความแม่นยำ
และความง่ายต่อการควบคุมการหมุนนั้นขึ้นกับการฝึกกดค ันเร่งให้ได้ระยะที่แม่นยำ รวมไปถึงสมรรถนะของยาง
ที่ต้องให้เสถียรภาพที่สูง และตัวถังรถที่ต้องทนต่อแรงบิดที่เกิดขึ้นเวลาเข้าโค ้งที่ดี


การเลี้ยวโดยใช้เบรคมือ


คงต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า การใช้เบรคมือขณะขับรถนั้นจะทำให้เกิดอาการอย่างไร.. .. มันจะทำให้ทิศทาง
ของรถเปลี่ยน และช่วยลดความเร็วของรถลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้แรงต้านที่กระทำต่อรถยนต์ ฟังแล้วอาจจะ
เข้าใจยากสักหน่อย เรามาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า
อันดับแรกคุณต้องกำหนดเป้าหมายหรือจุดที่จะทำการหมุน ก่อน ต่อจากนั้นขับรถตรงไปสู่เป้าหมาย
โดยใช้ความเร็วที่เกียร์2 เมื่อถึงเป้าหมายก็เหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์เป็นเกี ยร์ 1 พร้อมกับหักพวงมาลัยไปยัง
ทิศทางที่ต้องการจะไป ขณะเดียวกันก็ดึงเบรคมือขึ้นจนสุดโดยไม่ต้องปล่อยมือ ออก รถก็จะหมุนไปในทิศทาง
ที่ต้องการ เมื่อรถหมุนไปจนถึงตำแหน่งที่คุณต้องการจะวิ่งออกจาก โค้ง ให้ปล่อยเบรคมือ แล้วเริ่มกดคันเร่งเพื่อ
ให้รถพุ่งไปข้างหน้า

[mungkorn2]

การใช้เบรค(เท้า)ในการควบคุมรถ

ถ้าคุณต้องการจะควบคุมรถให้ได้ ทำเวลาได้ดีไม่ได้หมายความว่า คุณต้องให้ความสำคัญแต่เฉพาะคันเร่งเท่านั้น
เชื่อมั้ยครับว่า "เบรค" สามารถช่วยให้คุณควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เห มือนกัน การที่คุณเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นั้นมีความหมายมากกว่าการลดความเร็วของรถยนต์ แต่มันสามารถเปลี่ยนทิศทางของรถคุณได้อย่างน่าอัศจรร ย์ ถ้าหากจะพูด
ถึงนักแข่งรถมืออาชีพแล้ว การควบคุมเบรกที่ดีจะช่วยให้เขาได้เปรียบในการแข่งขั น อืม..มันชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วล่ะซิ


การเบรกที่ดีต้องเริ่มจากการนั่ง คุณควรนั่งให้เข่างอเล็กน้อย และเท้าของคุณต้องเหยียบลงไปจนถึงผนังด้านหลัง
ของเบรก เหราะประสิทธิภาพของเบรกอาจลดลงเวลาที่คุณเบรกห นักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ คุณจะสามารถเหยียบมันได
มากขึ้นนั่นเอง อ้ออย่าลืมนะครับเลิกไส่รองเท้าแตะเถอะนะครับ รองเท้าที่คุณสวมไส่ควรเป็นรองเท้าหน้าแคบ เพื่อที่เท้า
แต่ละข้างจะได้ไม่รบกวนกัน ในขณะที่คุณต้องใช้ คลัตช์ เบรก และคันเร่ง นอกจากนี้พื้นรองเท้าก็ไม่ควรหนาเกินไป เท้า
ของคุณจะได้รับรู้แรงในการเหยียบแป้นต่างๆได้แม่นยำม ากขึ้น


การเบรกอย่างรุนแรงจะส่งผลให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักรถ มายังด้านหน้าของตัวรถด้วย dynamic weight shift
ส่งผลกระทบโดยตรงกับลักษณะการยึดเกาะถนนของยาง ด้วยเหตุนี้เองที่นักแข่งส่วนใหญ่จะทำการเบรกก่อนที่ จะทำการ
หมุนพวงมาลัยเวลาเข้าโค้ง นอกจากนี้ ลักษณะการถ่ายน้ำหนักที่เกิดขึ้นอาจทำให้รถเกิด อาการ"สะบัด"หรือวิ่งเบี่ยงไปมา

อาการนี้อาจเกิดจากการตั้งช่วงล่างผิด ความผิดพลาดในระบบเบรก การสึกของยางที่ไม่เสมอกัน หรือพื้นสนามไม่เรียบเสมอกัน
นักขับต้องเตรียมการแก้พวงมาลัยให้รถวิ่งตรงในสถานกา รณ์เหล่านี้อยู่เสมอ

นอกจากนี้ ยางที่มีดอกยางแนวตรงที่ต่อเนื่องมักจะช่วยให้คุณสาม ารถ take control รถของคุณ และลดอาการสะบัดนี้
ให้ลดน้อยลงได้ด้วย สำหรับรถที่ไม่มีระบบ abs หากการเบรกเป็นไปอย่างรุนแรงจนล้อหน้าเกิดอาการ ล็อก หรืออาการยางพลิก
ไปด้านข้างและหยุดหมุน ให้คลายเบรกและหมุนพวงมาลัยกลับให้ตรง จากนั้นจึงจะเพิ่มน้ำหนักเบรกใหม่ ที่แนะนำเช่นนี้เพราะ
การเบรกโดยล้อหยุดหมุนจะทำให้ระยะเบรกมากขึ้นและควบค ุมทิศทางรถไม่ได้ด้วย