ClubJZ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ใช้งานเครื่องยนต์ JZ ทุกรุ่น เพื่อที่จะใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ระหว่างกันโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เราหวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังหาข้อมูล และผู้ที่มีปัญหาในการ ใช้งาน เครื่อง JZ ไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญที่สุด ที่ทุกๆคนจะได้จาก ClubJZ นี้นั่นคือ มิตรภาพที่เรามีให้กับทุกๆท่านครับ.
|
ประชาสัมพันธ์ ClubJZ! |
1. Login สีส้ม และสีฟ้าไม่อนุญาติให้มีลายเซ็นตั้งแต่วันที่ 07/09/09 เป็นต้นไป 2. ขอเชิญ ผู้ใช้งาน ที่ Login เป็นสีส้ม มาแนะนำตัว ( ชื่อ,รถ,เครื่องยนต์ และเบอร์ติดต่อ) เพื่อเปลี่ยนมาเป็น ClubJZ Member ที่นี่ ครับ 3. User ที่สมัครใหม่ รอ Activate ผ่าน Email ทีกรอกมาด้วยนะครับ User นั้นถึงจะใช้งานได้ ครับ |
ClubJZ! Useful Information คลังเก็บกระทู้ข้อมูล ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเครื่องยนต์ JZ! ครับ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
![]() |
#10 | |
Super Moderator
|
อ้างถึง:
ระดับน้ำมันเครื่อง ที่อยู่ขีดล่างสุดของเหล็กวัดระดับน้ำมันเครื่องนั้น ยังอยู่ระดับปลอดภัยจุดต่ำสุดครับ หมายความว่า เริ่มเข้าสู่ก่อนถึงระดับอันตรายครับ (ต่ำกว่าขีดล่าง) ยังไม่ต้องถึงขนาดจอดรถแล้วใช้มอเตอร์ไซค์แทนหรอกครั บ ดังนั้น จึงยังใช้งานได้อยู่ครับ เพียงแต่ ขับไปซื้อ น้ำมันเครื่อง ซักลิตร หรือ 2 ลิตร มาเติมลงไป เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ครับ จริงๆแล้ว กระทู้นี้ สมาชิกท่านอื่นๆ ก็ตอบไปหมดแล้ว ผมเข้ามาอ่านเฉยๆ แต่ไหนๆ ก็เข้ามาตอบเรื่องระดับน้ำมันเครื่องแล้ว ก็ขอต่อยอดเพิ่มความรู้ทั่วไปให้อีกนิดนะครับ ถ้าสมมุตว่า เราเติมน้ำมันเครื่องเข้าไปในเครื่องยนต์ จนเต็มระดับที่โรงงานระบุแล้ว เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง (ยังไม่ถึงกำหนดถ่ายน้ำมันเครื่อง) แล้วมาวัดปริมาณน้ำมันเครื่องในรถ สังเกตุเห็นว่า ระดับน้ำมันเครื่องลดลง จนผิดสังเกตุ (โดยปกติแล้ว การใช้งานเครื่องยนต์หนักๆ ร้อนจัดๆ ก็มีโอกาสทำให้น้ำมันเครื่องระเหยไป หรือถูกเผาไหม้ในห้องเผาไหม้ ออกไปทางท่อไอเสียได้ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ไม่ควรเกิน ครึ่งลิตร นับจากวันที่ถ่ายน้ำมันเครื่องจนถึงกำหนดถ่ายน้ำมันเ ครื่องครั้งใหม่ ถ้าเกินจากนี้ ควรหาสาเหตุแล้วแก้ไขครับ) ให้สังเกตุ ที่ท่อไอเสีย มีควันขาวออกมาเยอะมั้ย ถ้ามีเยอะ นั่นแหละครับ น้ำมันเครื่องถูกเผาไหม้ไปโดยใช่เหตุ ให้หาตัวการ เช่น เครื่องหลวม (ทดสอบแรงอัด) หรือ ยางบ่าวาล์วสึก หรือ แหวนกวาดน้ำมันสึก เป็นต้น ถ้าทุกอย่างปกติ ก็ต้องสังเกตุใต้ท้องรถแล้วว่า มีนรอยน้ำมันเครื่องหยดหรือไม่ ตัวเครื่องยนต์มีคราบน้ำมันเครื่องหรือเปล่า ซีลคอหน้าหลังสึกหรือเปล่า เป็นต้นครับ หาตัวการให้เจอแล้วแก้ไขครับผม ส่วนกรณีเรื่อง สายไฟรถยนต์ ไหม้ ดังที่คุณ เล่ามานั้น ส่วนใหญ่ เป็นเพราะว่า ใช้สายไฟเก่า หรือสายไฟใหม่ที่ไม่ได้คุณภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องบอกว่า ช่างเดินสายไฟ ทำระบบป้องกันบกพร่องครับ การเดินสายไฟที่ดีนั้น นอกจาก ต้องเดินให้ดูเรียบร้อยแล้ว ต้องใช้สายไฟที่มีคุณภาพและได้ตามขนาดของเครื่องใช้ไ ฟฟ้า เท่านั้นยังไม่พอครับ จะต้องมีระบบป้องกันที่ดี ทุกเส้นทุกระบบต้องต่อผ่านฟิวส์ ที่กล่องรวมฟิวส์ ให้ถูกต้องตามผังกล่อง ฟิวส์ นี้ มีหน้าที่ป้องกัน การลัดวงจร ป้องกันการใช้ไฟเกินขนาดสายไฟ และป้องกันความร้อนที่เกิดจากอะไรก็ตามที่สายไฟครับ (การสปาร์คเนื่องจากขั้วหลวม ฟิวส์ก็จะต้องขาดก่อนครับ) ดังนั้น ถ้าทำระบบไฟได้มาตราฐานแล้ว ต้องขอบอกว่า โอกาสที่สายไฟไหม้นั้น น้อยมากๆครับผม ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผู้ใช้รถ อย่ามักง่าย คือ เมื่อฟิวส์ขาด แล้วเปลี่ยนฟิวส์นั้น ควรใช้ฟิวส์ขนาดเท่าของเดิม ห้ามอัพขนาดฟิวส์ครับ ถ้ามีการเปลี่ยนฟิวส์เนื่องจากฟิวส์ขาดแล้ว ถ้าขาดซ้ำในเวลาไม่นาน ให้รีบหาสาเหตุให้เจอ แล้วแก้ไขครับ อย่าดันทะรังใช้งานครับ มิเช่นนั้นแล้ว รถของเรามีโอกาสวอดทั้งคันครับ
__________________
JZM - 5
|
|
![]() |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|