ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ
แต่ว่าผมต้องชี้แจงเรื่องบางเรื่องสำหรับข้อมูลด้วยค รับ จะได้ไม่เข้าผิดกัน
ค่าด้านบนนั้น เป็นเพียงตัวเลขที่ระบุถึงค่าความหนืดของน้ำมันเครื่ อง ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ น้ำมันเครื่อง แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้ ใช้ตัวเลขเพียงแค่นี้มาตัดสินว่า น้ำมันเครื่องตัวไหน คุณสมบัติดีกว่า น้ำมันเครื่องอีกตัวหรอกนะครับ
เนื่องจากว่า ภายในน้ำมันเครื่องแต่ละตัว ยังมีส่วนผสมของ Additive ลงไปด้วย ซึ่งมี Additive หลายๆชนิด หลายๆประเภท จึงทำให้ ตัวเลข คุณสมบัติหลักของน้ำมันเครื่อง (ความหนืดความใสในการหล่อลื่น) อาจจะไม่ใช่ จุดเด่น (จุดขาย) ของน้ำมันเครื่องนั้นๆ ไปเลยก็มีครับ
ยกตัวอย่างเช่น
มีน้ำมันเครื่องตัวหนึ่งในนั้น คุณสมบัติดีเด่น ก็จริง แต่ว่า ขาดคุณสมบัติความคงทนเมื่อได้รับ ความร้อนสูง จึงทำให้ มันระเหยหายไปง่าย ต้องเติมบ่อยๆ หลังจากใช้งานไปแล้ว 5000 ก.ม. หรือว่า ขาดคุณสมบัติตามตัวเลขดังกล่าวข้างบน เมื่อใช้งานไปแล้ว 8000 ก.ม. (ไม่คงคุณสมบัติความใสความหนืดตามสเปคที่ตรวจเช็ค เมื่อถูกใช้งานไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง)
หรืออีกตัวอย่าง
มีน้ำมันเครื่องตัวหนึ่งในนั้น คุณสมบัติรองลงมา แต่ว่า มีสาร Additive ที่โดดเด่น เรื่องการชะล้าง แม้กระทั่งใช้งานเกิน 10000 ก.ม.แล้วก็ตาม คุณสมบัติความหนืดความใส และตัวชะล้าง ก็ยังคงอยู่ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้หลังจากที่ถ่ายน้ำมันออกมาแล้วค รับ (สารชะล้างที่ดีนั้น จะทำให้ สิ่งสกปรกต่างๆ หลุดออกจากชิ้นส่วนโลหะได้ง่าย ซึ่งอาจจะเป็นตัวทำลายได้ถ้าไม่ชะล้างออกมาให้เกลี้ง ครับ)
เป็นต้น
เช่นนี้แล้ว จะต้องมีคนถามว่า งั้นแล้วจะใช้ยี่ห้อไหนดีล่ะ?
ผมขอบอกว่า ต้องลองซื้อมาใช้ดูครับ ถ้ายี่ห้อไหน ใช้แล้ว Work ก็ใช้ยี่ห้อนั้นครับ
__________________
JZM - 5
|