อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Moonlight
ช่วยตอบแทนนะครับ
การเปลี่ยนวาล์วแอร์นั้น จะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อ วาล์วตัน ซึ่งเกิดจากสิ่งสกปรกเข้าไปอยู่ในระบบ ทำให้ตันครับ ซึ่งทำให้แอร์ไม่เย็น และ/หรือ เป็นน้ำแข็งที่คอยล์เย็นได้ง่ายครับ เวลาไปหาช่าง ช่างจะดูจากน้ำยาช่วงเวลาปล่อยออกมาครับ ถ้ามีอาการดังกล่าว(แม้ว่ามีน้ำยาอยู่เต็มระบบก็ตาม) และเมื่อปล่อยน้ำยาออกมานั้น น้ำยาและน้ำมันคอมพ์ที่ออกมา มีสีดำคล้ำ ช่างส่วนใหญ่ จะบอกให้เปลี่ยนวาล์ว เพราะเพื่อความชัวร์กลัวเสียชื่อว่า แก้ไขให้แล้ว ยังมีอาการเดิมอีกครับ
การเปลี่ยนดรายเออร์ นั้น จริงๆแล้ว จะไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ครับ ถ้าเราทำการซ่อมแซมระบบในช่วงที่อากาศแห้งๆ (ไม่ชื้น เช่นช่วงฝนตก) และทำการแวคคั่มให้ถูกวิธี กระบวนการแวคคั่มครั้งสุดท้ายก่อนเติมน้ำยา ต้องไม่ต่ำกว่าครั้งละ 45 นาที (การแวคคั่มยิ่งนาน ยิ่งทำให้เกิดสุญญากาศในระบบนานพอที่จะทำให้ ความชื้นสะสมของซิลิก้าเจลในดรายเออร์ ถูกดูดออกมาจนเกลี้ยงเกือบหมด) ซึ่งการทำกระบวนการวิธีนี้ จะต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะเช็ครั่ว กว่าจะสิ้นสุดการแวคคั่มครั้งสุดท้าย แล้วเตืมน้ำยา กระบวนการนี้ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ช.ม. (รวมการเช็คระบบความเย็น) ซึ่งสำหรับช่างแอร์แล้ว ไม่คุ้มต่อการกระทำกระบวนการนี้ครับ เพราะว่า ดรายเออร์ใหม่ๆ ราคาไม่กี่ร้อยเองครับ (เจ้าของรถจ่ายด้วย) ช่างส่วนใหญ่จึงแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่มีการ เปิดระบบแอร์ครับ
เรื่องการถอดแก้เปลี่ยนลูกปืนตัวในนั้น จำเป็นต้องเปิดค่อยๆปล่อยน้ำยาออก ช่างบางคนใจร้อน ปล่อยพรวดๆ วาล์วแอร์ก็อาจจะตันหรือชำรุดได้เช่นกันครับ เป็นเหตุให้ ช่างตัดปัญหาโดยการแจ้งเปลี่ยนวาล์ว (โดยผลักภาระให้เจ้าของรถ) ซึ่งกระบวนการทำงานแบบนี้ ก็จะทำให้ช่างแอร์ มั่นใจว่า เมื่อเปลี่ยนแก้ไขแล้ว จะทำให้แอร์เย็นเป็นที่พอใจกับลูกค้า (ไม่เกี่ยวกับ การไม่พอใจเรื่องค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองของลูกค้านะครั บ)
|
ขอบคุณครับลุงมูนคือผมมาคิดๆดูว่าจะใช้ให้มันพังเลยด ีรึเปล่าครับแล้วค่อยเปลี่ยนทั้งคอมและตัวที่ว่าอะคร ับ ทั้งไดร์เออร์ วาวล์ครับแล้วมีตัวไหนต้องเปลี่ยนอีกรึป่าวครับ จริงก็กลัวถ้าปล่อยไว้มันจะลามไปตัวอื่นๆรึป่าวครับ ขอคำแนะนำครับ