11-07-2009, 09:51
|
#130
|
Super Moderator
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: My Brand
Engine Type: 2JZ-GE VVT-i A/T
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
กระทู้: 1,768
Thanks: 633
Thanked 8,042 Times in 1,296 Posts
คะแนน: 20 
|
อ้างถึง:
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ JZ_P_MAYIM
ต่อภาษีปีเท่าไหร่อ่ะครับ
|
ค่าภาษีประจำปีก็ไม่แพงนะครับ ปีละ 3444.- ครับ
************************
ครั้งก่อน ผมได้กล่าวถึงว่า ให้ดูลายฉลุบนแผงเหล็ก เพื่อสืบหาว่า มันมีนัยยะอะไรบ้าง? สืบรู้ไปเพื่ออะไร? ซึ่งผมได้บอกแล้วว่า แต่ละช่องแต่ละรู แต่ละร่อง แต่ละขนาด ทำไว้อย่างมีจุดประสงค์นั้น ถ้าสำหรับคนที่จะทำประตูนั้น หาใช่เพื่อ รู้ไว้ใช่ว่า ไม่ใช่เพื่อจัดวางรูปแบบให้ดูเป็นศิลปะมากขึ้น แต่เนื่องจากว่า มันเกี่ยวพันกับเรื่องโครงสร้างความแข็งแรงด้วย เกี่ยวกับเรื่อง อินทีเรียดีไซน์ ด้วย (ออกแบบตกแต่งภายใน) บางท่านอาจจะสงสัยว่า เอะ มันเกี่ยวอะไรกับ การออกแบบภายใน ผมจะอธิบายให้ฟังดังนี้ครับ
เวลาคุณขับรถคันใดคันหนึ่ง คุณเคยสงสัยมั้ยครับว่า ทำไมรถคันนี้ ขนาดความกว้างของรถตามสเปคคู่มือ ก็เท่า หรือพอๆกับรถอีกคัน แต่พอเข้าไปนั่งข้างในห้องโดยสารแล้ว ความกว้างภายใน จึงแตกต่างกัน? ที่วางมือ ที่ท้าวแขน ทำไมเวลานั่งแล้ว จึงวางแขนได้อย่างสบาย เวลาขับจับพวงมาลัยขับนานๆแล้ว ต้องการจะพักแขน ไม่ว่า ซ้ายหรือขวา ก็พักได้อย่างสบาย ไม่ต้องห้อยหรือยกหัวไหล่ นั่งขับได้อย่างสบายๆ จะกดสวิทช์อะไร ก็ไม่ต้องเอื้อมตัวไปมา ให้เกิดเสียสมาธิการขับ พอดีเมื่อพอดีนิ้ว นั่งแล้วให้ความรู้สึกสบายเหมือนนั่งโซฟาในบ้าน เวลาจะกดสวิทช์เลื่อนกระจกหน้าต่างก็ไม่ต้องเอื้อม ปลายข้อมือ ก็อยู่พอดีกับที่จับประตู และที่เปิดประตู ไม่ต้องพันมือให้วุ่นวายไปหมด
นั่นแหละครับ อินทีเรียดีไซน์ โดยเฉพาะสาขาวิชา รถยนต์ ครับ และที่ผมกล่าวไว้ข้างบนนั้น มันไปเกี่ยวข้องกับ ลายแผงประตูตรงไหน? มันเกี่ยวกับ จุดยึด ส่วนหลบเว้าเข้า ส่วนเสริมนูนออก และออกแบบมอเตอร์และรางเลื่อนกระจก ให้ไม่กินเนื้อที่ วางภายในแล้วไม่นูนยื่นเข้ามาในห้องโดยสารมากเกินไปจ นเนื้อที่ภายในห้องโดยสารแคบลงครับ เรื่องการเก็บเสียงก็เช่นกันครับ
คราวนี้ ก็มาถึง ประเด็นหลักที่ผมจะเล่าให้ฟังครับ นั่นก็คือ ความรู้จากทรัพยากรบุคคลของทางผม มีไม่เพียงพอที่จะทำเช่นนั้นครับ ผมจึงบอกว่า มันยากสำหรับผมมากๆๆๆ นั่งคิดอยู่เป็นหลายอาทิตย์ ก็ไม่ลงตัวเสียที สรุปสุดท้ายก็คือ ซื้อที่เขาทำสำเร็จรูปดีกว่า อย่างไร? ใครทำขาย? ราคาเท่าไหร่? ซื้อที่ไหน?
ลักษณะการซื้อสำเร็จรูปนั้น ก็คล้ายๆกับ คอนโซลหน้าครับ ซึ่งนั่นก็คือ ส่วนหนึ่งของ อินทีเรียดีไซน์ เช่นกันครับ ไปซื้อที่เขาทำเสร็จแล้ว ใช้แล้วมือสอง นำมาตกแต่งใหม่ ประตูรถผมก็เช่นกันครับ ตัวขนาดประตูรถภายนอกรถ ผมออกแบบตามสรีระของความเหมาะสมของรถตนเอง แต่ว่า ไส้ใน แผงปิดประตู แผงโครงเหล็ก ผมใช้วิธี ซื้อสำเร็จแล้วมา ตัดต่อความกว้างความสูงเอาเองครับ ซึ่งจุดประสงค์หลักในสิ่งที่จะเล่าให้ฟังนั่นคือ เรื่องการตัดต่อนี่เองครับ มันมีเทคนิค ซึ่งสมาชิกที่เข้ามาอ่าน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่เพียงแค่รู้ไว้ใช่ว่าครับ
เวลาเราจะซื้อประตู มาเพื่อใช้ในการตัดต่อนั้น (เหมือนการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ) สิ่งที่เราต้องมีข้อมูลก่อนที่จะเลือกซื้อหา ก็คือ ต้องรู้ขนาดของช่องประตูของเราก่อนว่า ช่องหน้าต่างเท่าาไหร่ เนื้อที่ประตูเท่าไหร่ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องการความหนาภายในประตูเท่าไหร่ครับ (หนามาก ถึงแม้ว่าจะทำให้การติดตั้งและใช้งานสะดวกก็จริงครับ แต่ก็เท่ากับว่า มันจะยื่นเข้าไปกินเนื้อที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้นเท ่านั้นนะครับ) เมื่อเราได้ข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว เราจึงต้องไปเลือกซื้อครับ
เวลาเราไปเลือกซื้อประตูรถนั้น สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อ นั่นก็คือ ความโค้งของรูปโดยรวมของกระตูรถ ต้องดูว่า โค้งนูนออกทางนอกรถ มากน้อยแค่ไหน มันจะต้องใกล้เคียงกับประตูรถที่เราจะทำขึ้นมาครับ ไม่ใช่เพราะว่า ต้องการนำประตูทั้งบานมาใช้ครับ มันไม่ได้ขนาดกันอยู่แล้ว แต่สาระมันอยู่ที่เนื้อที่ภายในครับ ถ้าโค้งมาก รางกระจกก็โค้งมาก เนื้อที่ภายในก็จะมีกินเนื้อเยอะ ทำให้พวกอุปกรณ์ภายในประตู โรงงานผลิตรถยนต์ ไม่ต้องออกแบบให้ลีบเล็กลง แต่ถ้าเอามาใส่ในประตูรถเรา อาจจะใส่กันไม่ได้ครับ จึงให้ดูส่วนนี้เป็นสำคัญด้วยครับ
รูปลักษณะภายนอก สำหรับการใช้งานจริงนั้น ก็สำคัญครับ โรงงานผลิตรถยนต์บางยี่ห้อบางรุ่น ลงทุนเกี่ยวกับการออกมามาก ทำให้ รูปลักษณ์ออกมาสวยงามสะดวกสะบาย (ตามที่ผมเล่าเรื่อง อินทีเรียดีไซน์) ขนาดความกว้างแคบ และสูงต่ำ ไม่ได้สำคัญมากนัก เอาใกล้เคียงก็ได้แล้วครับ เพราะว่า เราสามารถตัดต่อได้ครับ
หลังจากที่เราซื้อประตูสำเร็จ มาทั้ง 4 บานแล้ว (ราคาประตูโดยรวมทั้ง 4 บานจะราคาพอๆกับซื้อเครื่องยนต์ JZ จำนวน 1 เครื่องครับ) ก็ใช้วิธีเลาะเอาไส้ในมาใช้ ส่วนไหนใช้ได้ก็เอามาใช้ ส่วนใหญ่ กระจก และรางขอบกระจก จะใช้ไม่ได้ เพราะว่า ขนาดความโค้งของรถ และขนาดช่องหน้าต่าง จะไม่เท่ากันครับ จึงต้องดันแปลงรางและสั่งตัดกระจกหน้าต่างขึ้นมาเองค รับ
สิ่งที่ได้จากการซื้อประตูสำเร็จรูปมานั้น คือ
- ชุดกลอนประตูทั้งชุด
- ชุดกลไกที่ล๊อคประตูทั้งชุด
- ชุดล๊อคประตูด้วยไฟฟ้า เซนทรัลล๊อคทั้งชุดรวมสายไฟ
- มอเตอร์ขับรางเลื่อนกระจกหน้าต่าง
- ยางขอบกระจกหน้าต่าง และยางขอบประตู รวมทั้ง ยางปิดรูช่องระบายน้ำ (ปิดกันฝุ่นเข้าแต่ให้น้ำออกได้) ยางรีดน้ำขอบกระจก
- ไฟแสงสว่างประตู เวลาเราเปิดประตู
- ปลั๊ก และสายไฟทั้งชุด สิ่งนี้ บางคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับผมแล้วสำคัญมากครับ เพราะว่า โรงงานผลิตรถยนต์ ออกแบบเรื่องสายไฟและปลั๊กมา ให้เดินหลบเข้าร่อง ให้ดูเรียบร้อย ไม่กีดขวางกันเองภายในซึ่งแคบอยู่แล้ว ปลั๊กก็ออกแบบให้เล็กเป็นพิเศษ เพื่อเข้าร่องเข้าช่องต่างๆได้ง่าย (หาซื้อที่ผลิตในไทย ก็ไม่มีปลั๊กขนาดเล็กๆแบนๆที่แมทช์ลงตัวและเหมาะสมกั นครับ ตอนใส่ประกอบตัดต่อสายไฟ อาจจะดูไม่สำคัญ แต่ถ้าคิดถึงตอนที่ต้องถอดประตูเพื่อซ่อม ไม่ว่าเรื่องบุบเสียหายหรืออะไรก็ตาม จะคิดถึงว่า ปลั๊กพวกนี้มาประโยชน์มากมาย ไม่ต้องตัดสายไฟ แล้วมาต่อสายไฟตอนประกอบให้สายไฟช้ำครับ) รวมทั้งได้พลาสติคแข็งติดขอบช่องร้อยสายไฟตามช่องต่า งๆ กันบาดโดนสายไฟด้วยครับ
- ได้แผงนอกประตู ซึ่งรวมไว้ด้วยสวิทช์ต่างๆครบถ้วน ที่ท้าวแขน มือจับยึดและที่เปิดประตู ครับ
คราวนี้ ก็ถึงวาระที่จะต้องนำแผงโครงเหล็ก และ ฝาแผงประตู มาเลาะ แล้วเชื่อมต่อเข้ากับประตูของรถเรา ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า ขนาดต้องไม่เท่ากัน นี่แหละครับ เป็นที่มาของที่ผมเกริ่นเอาไว้เยอะแยะไปหมดว่า ให้ ดูลายแผนที่บนแผงโครงเหล็ก อ่านให้ออกว่า ช่องไหนจุดไหนใช้ประโยชน์ทำอะไรบ้าง เวลาตัดต่อ จะได้ไม่ไปตัดทำลายส่วนที่เป็นนัยยะนั้นๆจนเสียหายคร ับ
ฝาแผงประตูนั้น เมื่อก่อนนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ จะใช้ กระดาษชานอ้อย เป็นวัสดุทำ ซึ่งมีข้อดีคือ เก็บเสียง เบา ราคาไม่แพง แต่ข้อเสียก็คือ โดนน้ำโดนความชื้นไม่ได้ จะบวม และผุพังเร็วมากครับ ภายหลัง โรงงานผลิตรถยนต์จึงเปลี่ยนมาใช้พลาสติดแข็งแทนครับ ซึ่ง ถ้าเรามีการตัดต่อแผงโครงเหล็กแล้ว ฝาแผงประตูก็จะต้องถูกตัดไปด้วยเพื่อให้เวลาเอามาปิด จะได้พอดีกัน ปิดแล้วดูสวยงามครับ
เจ้าแผ่นพลาสติคนั้น เวลาตัด ง่ายมากครับ คงไม่ต้องบอกเล่า แต่ว่า เวลาเอาพลาสติคที่ตัดออกนั้น เอาส่วนที่เหลือมาต่อ ต้องใช้ทักษะฝีมือกันหน่อยครับ ทำอย่างไร ให้ต่อกันได้สนิท ไม่มีรอยเย็บรอยยึดเลย ทำเสร็จแล้ว ดูไม่ออกว่า ชิ้นงานนี้ ได้ถูกตัดต่อมาแล้ว
วิธีการเย็บต่อชิ้นงานพลาสติคแข็งให้ต่อติดกันเป็นเน ื้อเดียวกันนั้น จริงๆแล้วง่ายมากครับถ้าเรารู้วิธี และมีอุปกรณ์ที่ถูกต้อง สิ่งแรกเราต้องรู้คุณสมบัติของพลาสติคก่อนว่า โดนความร้อนสูงๆแล้วจะละลาย เราจึงนำคุณสมบัตินี้มาใช้ประโยชน์ครับ
พอผมบอกว่า ใช้ความร้อนสูง แต่ละท่านคงคิดว่า คงใช้ไฟเผาส่วนที่เป็นรอยต่อให้เชื่อมละลายติดกัน จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลยครับ เพราะว่า ถ้าเราทำเช่นนั้น รอยต่อจะบิดตัวมั่วไปหมดครับ ต่อกันไม่สนิทด้วยครับเพราะว่าเราควบคุมการละลายไม่ไ ด้ครับ
วิธีการ ก็คือ ให้หา เหล็กแผ่นตะแกรงรูเล็กบางๆ เช่น ฝาปิดลำโพง (แต่ต้องใช้อย่างหนาหน่อยนะครับ แต่อย่าหนาเกินไปครับ) ตัดขนาดพอประมาณเพื่อเอามาปะเชื่อมตรงรอยต่อระหว่างช ิ้นงาน 2 ชิ้นที่เอามาต่อกันสนิท (เหมือนผ้าก๊อตที่เราตัดเอามาปิดแผล) ถ้ารอยต่อชิ้นงาน ยาว แต่ตะแกรงที่เรามี ยาวไม่พอ (จริงๆแล้วเพื่อความแข็งแรง ตะแกรงไม่ควรยางเกิน 5 นิ้ว กว้างไม่เกิน 3 นิ้ว) ให้ใช้วิธี ตัดหลายๆชิ้น เตรียมไว้ครับ จากนั้น นำชิ้นงานพลาสติคมาต่อกันให้แนบสนิท โดยวางไว้กับพื้น (พื้นโต๊ะก็ได้ครับ) แล้วนำตะแกรงที่เตรียมไว้ เอาคีมหนีบถือไว้ ไปเผาไฟให้แดงครับ (อย่าถึงกับละลายนะครับ) แล้วรีบนำไปโปะกดลงที่รอยต่อพลาสติค พลาสติคเมื่อโดนความร้อนของตะแกรงจะละลายทันที น้ำลาสติคเหนียวๆ จะละลายทะลุตะแกรงขึ้นมาละลายซ้ำต่อกัน จนตะแกรงจมเข้าไปในเนื้อพลาสติคหายไปจนเป็นเนื้อเดีย วกันเลยครับ ชิ้นงานก็ติดกันได้แล้วครับ ถ้ารอยต่อยาง ก็ติดเป็นช่วงๆก่อน จากนั้น ค่อยติดส่วนที่เหลือครับ
ส่วนถ้าเราต้องขยายความกว้างความสูงของแผงประตู เพราะว่า ประตูของรถเราใหญ่กว่านั้น ก็มีวิธีครับ เพียงแต่ว่า เราจะหาวัสดุที่เป็นพลาสติคหนาเท่าๆกับของเดิม มาต่อเพิ่มไม่ได้ง่าย การต่อก็ไม่ใช่ว่าจะต่อในส่วนปลายขอบได้นะครับ เพราะว่า ตามขอบแผงประตูนั้น เป็นที่วางเดือยยึดประตู จึงเข้าไปยุ่งในส่วนนั้นไม่ได้ ต้องต่อเนื้อที่วางตรงกลางเท่านั้นครับ เมื่อเราหาวัสดุพลาสติค ที่มีคุณสมบัติแข็งเบาและกันน้ำมาเชื่อมต่อไม่ได้ เราก็ต้องหาวัสดุอื่นที่มีคุณสมบัติเดียวกันครับ นั่นก็คือ แผ่นอลูมิเนียมครับ ซึ่งก็มีวิธีการ เชื่อมต่อกับพลาสติค ได้เช่นกันครับ แต่ไม่ใช่ใช้ไฟมาเชื่อมแล้วครับ ให้ใช้วิธีเชื่อมต่อคล้ายๆกับเรายิงรีเวท แต่ว่า เจ้ารีเวทนี้ เป็น อลูมิเนียม และไม่ได้ใช้ยิงครับ ใช้ฆ้อนตอก โดยเดือยอลูมิเนียมนี้ นิ่มพอให้ใช้กรรไกรตัดตามความหนาที่ต้องการได้ โดยให้เจาะรูชิ้นงานและคว้านรูเป็นลักษณะเตเปอร์ แล้วเอาเดือยอลูมิเนียมสอดใส่รูแล้วตอกตีให้แบนโดยรอ งอยู่บนแท่นเหล็ก เดือยที่ถูกตอกจะแบนเรียบไปกับชิ้นง่านเลยครับ ใช้มือลูบแทบไม่พบรอบขรุขระเลยครับ
กว่าจะเล่ามาถึงจุดนี้น เหนื่อยเลยครับ ถ้าเอาเฉพาะย่อหน้าสุดท้ายมาเล่า ท่านสมาชิก ก็อาจจะงงว่า เล่าไปมีประโยชน์อะไร ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับประตูรถ จึงต้องเกริ่นที่มาที่ไปจนยาวมาก ต้องขอโทษที่ให้อ่านยาวๆครับผม
อีกเรื่องหนึ่งครับ ผมอยากจะถามว่า ท่านสมาชิกเคยสังเกตุมั้ยครับว่า รูปแบบประตูรถที่มองจากภายนอกรถ ทำไมประตูรถ บางคัน มีรอยขยักคาดเป็นแนวยาว บางคัน มีรอยขยักเป็นร่องก็จริง แต่นำยางมาติดไว้ให้ดูเรียบเพื่อให้เป็นกันกระแทก บางคันติดเป็นกาบยางกว้างลงไปถึงแนวขอบประตูล่าง บางคันทำเรียบๆไม่มีรอยขยัก บางคันประตูโค้งมาก ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ มีนัยยะอะไรอยู่ข้างในบ้างหรือเปล่า ลองคิดแล้ว ตอบวิจารณ์ให้ผมรับรู้บ้างนะครับ (ถ้าไม่มีใครตอบ ผมจะไม่เล่าให้ฟังนะครับ)
__________________
JZM - 5
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moonlight : 11-07-2009 เมื่อ 11:52.
|
|
|