ดูแบบคำตอบเดียว
เก่า 20-05-2009, 03:40   #5
Moonlight
Super Moderator
 
รูปส่วนตัว Moonlight
 
วันที่สมัคร: Oct 2006
Car Brand: My Brand
Engine Type: 2JZ-GE VVT-i A/T
ที่อยู่: กรุงเทพฯ
กระทู้: 1,768
Thanks: 633
Thanked 8,042 Times in 1,296 Posts
คะแนน: 19 Moonlight is on a distinguished road
ส่งข้อความผ่าน MSN ถึง Moonlight
ก่อนอื่น ต้องทราบก่อนว่า เครื่องยนต์ของคุณ เป็นเครื่องยนต์รุ่นอะไรครับ?
มีระบบ VVT-i หรือไม่ครับ?
เคยเปลี่ยน ไดชาร์จ แล้วหรือยังครับ? หรือว่าเป็นไดชาร์จเดิมๆติดรถครับ?

ที่ต้องถามแบบนี้ เพราะว่า ผมเคยมีประสพการณ์นี้มาก่อนครับ ดังนี้ครับ

อ้างถึง:
ตอนที่ผมอยู่ที่ร้านเซียงกงซื้อเครื่องยนต์ 2JZ-GE VVT-i ผมรู้อยู่แล้วว่า จะเอาไปวางในรถผมซึ่งใช้ระบบไฟเยอะมาก ซึ่งไดชาร์จติดเครื่องยนต์มานั้น ชาร์จไฟให้ผมไม่พอแน่ (เป็นการเข้าใจเอง ซึ่งเป็นความผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น) ผมจึงขอแลกเปลี่ยน ไดชาร์จ จากที่ร้าน ขอไดชาร์จลูกใหญ่ จากเดิน 60 หรือ 70 แอมป์จำไม่ได้ครับ เปลี่ยนเป็นตัว 100 แอมป์ครับ

จากนั้นผ่านมา 3 เดือน (ผมเอาเวลาว่างมาดูแลให้ลูกน้องวางเครื่องเอง วายริ่งสายไฟเอง จึงนานหน่อยครับ) ทดลองขับ เห็นรอบเดินเบา ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วๆไป (ปกติเครื่องยนต์ทั่วๆไป ถ้าเปิดแอร์ใช้งาน รอบเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 900 รอบ แต่ระบบ VVT-i อยู่ที่ 650 รอบครับ) ก็รู้ว่า รุ่นนี้ น่าจะประหยัดน้ำมันกว่าแน่ ก็เป็นจริงดังคิดครับ ทดลองขับใช้ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร (ผมใช้แบตเตอร์รี่ 120 แอมป์แผ่นเต็มลูกใหญ่ครับ) แต่พอนำมาใช้งานจริง มันไม่ได้เป็นปกติดังคิดซิครับ

รถผมติดตั้ง OBD1 ของคุณโต้ง เกจ์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้า จึงละเอียด เวลาขับรถใช้ทั่วๆไป (ส่วนใหญ่ผมจะใช้วิ่งทางไกลๆ วันอาทิตย์รถไม่ติด) เกจ์ออกมาที่ 13 โวลท์เศษๆ แต่มีคืนหนึ่ง ต้องขับรถออกมาธุระในเมือง เจอสภาพการจราจรติดขัด (เครื่องยนต์อยู่สภาวะเดินรอบเบา มากกว่า เดินรอบสูง) เกจ์วัดโวลท์โชว์อาการผิดปกติให้เห็นครับ พอรถขับเคลื่อนตัว เกจ์แจ้ง 13 โวลท์เศษ แต่พอหยุดรถ แรงเคลื่อน ค่อยๆตกลงมา จาก 13 ลงมาที่ 12.9 --> 12.8 --> 12.7 --> 12.6 --> ....จนกระทั่ง 11.0 โวลท์ จากนั้น ก็ทำท่าว่าจะตกลงไปอีก โดยตัวเลขต่ำกว่า 11 แต่ว่า จะมีตัวเลข ขึ้นๆลงๆ แต่แนวโน้มไปทางลงต่ำกว่า 10.9 โวลท์ ผมเห็นว่าไม่ได้การแน่ครับ แบบนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าผมพังแน่ รถก็ติดอยู่อย่างนั้น จึงตัดสินใจ

เริ่มปิดเครื่องเสียง ก็ไม่ช่วยสภานะการณ์ให้ดีขึ้นเท่าไหร่
ขั้นต่อมา ปิดแอร์ (ในห้องโดยสารรถผมมีพัดลมแอร์หลายตัวครับ) เริ่มดีขึ้นครับ ตัวเลขเริ่มขึ้นมาแล้ว (เริ่มขึ้นมา 11.5 โวลท์ทันทีให้เห็น และตัวเลขขยับขึ้นลง แต่อยู่ในเกณฑ์ขึ้น ค่าเฉลี่ยที่ 11.5 โวลท์ครับ)

แต่ว่า ในรถ ผู้โดยสารเต็มรถ นั่งกัน 5 คน จะปิดแอร์ขับทั้งๆ รถติดได้อย่างไร? จึงตัดสินใจเปิดแอร์ใหม่ครับ แรงเคลื่อนไฟฟ้าก็ตกลงมาอีก จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ ใช้วิธีเข้าเกียร์ N ใส่เบรคมือ แล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มรอบเครื่อง มาที่ประมาณ 900 รอบ แรงเคลื่อนจึงกลับมาอยู่ที่ 12.5 โวลท์ คืนนั้น จึงต้องปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเวลารถติดอยู่กับที่ เป็นคืนที่ขับรถแบบทรมานจังเลยครับ ในใจก็คิดว่า สงสัย แบตเตอร์รี่ผมคงจะเสื่อมแล้วมั้ง เพราะว่า ช่วงแรงเคลื่อนตกนั้น ไฟหน้าก็หรี่แสงลงไปด้วย คิดไว้ว่า วันรุ่งขึ้น จะทำการตรวจเช็คซักหน่อย

แต่ว่า พอถึงวันรุ่งขึ้น มีงานด่วนให้ทำ ไม่ว่างมายุ่งเรื่องรถ ผ่านพ้นไป 5 วัน กลับมาสตาร์ทรถ ...อ้าว!...สตาร์ทไม่ติดแล้ว รู้ได้เลยว่า ไฟแบตเตอร์รี่หมด เอาไฮดรอมิเตอร์มาวัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกลั่นพิสูจ น์ ก็เป็นจริงครับ ไฟในหม้อแบตฯเกลี้ยงเลย จึงยกแบตฯลงมาชาร์จ (ผมมีตู้ชาร์จแบตฯ) เปิดสวิทช์ชาร์จชาร์จแบบช้าๆ (ไม่เกิน 25% ของประจุไฟแบตฯ โดยแบตฯของผมมีประจุ 120 แอมป์ 25%จึง= 30 แอมป์ แต่ผมตั้งไว้ที่ 20 แอมป์) ชาร์จผ่านไป 20 ชั่วโมง มาดูที่เกจ์เครื่องชาร์จ ก็เห็นว่า ได้ระดับเต็มแล้ว จึงดับเครื่องชาร์จ แล้วปล่อยให้แบตฯเย็นตัว จากนั้นนำไฮดรอมิเตอร์มาวัดความถ่วงจำเพาะน้ำกรดอีกท ี ได้ระดับ 1.2 เป็นอันใช้ได้ ไฟเต็มแน่ จึงเอามาใส่ไว้ในรถครับ จากนั้น ก็สตาร์ทรถ ขับใช้งาน ก็ปกติทั่วไป ค่อยใจชื้นหน่อย แต่ยังคาใจอยู่เรื่องที่ว่า ทำไมไฟแบตฯจึงหมดได้ (ผมเช็คอาการไฟรั่วในรถแล้ว ไม่มีครับ)

ใช้ไประยะหนึ่ง ก็เกิดอาการเดิมอีกแล้วครับ (เหมือนย่อหน้าที่ 3 นั่นแหละครับ) คิดในใจว่า อย่างนี้ไม่ได้การแล้ว แบตฯคงเสื่อมแน่ๆแล้ว วันรุ่งขึ้น จึงตรวจเช็คประจุแบตฯ วัดไฮดรอมิเตอร์แล้ว ถึงจะรู้ว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่ก็ยังอยู่ในขีดปกติ เอามิเตอร์วัดแรงเคลื่อนที่แบตฯ ก็ได้ 12 โวลท์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แสดงว่า ไม่ใช่ปัญหาที่แบตฯเสื่อมแล้วล่ะครับ ตัวการปัญ
หาต้องอยู่ที่ ไดชาร์จแน่นอน จึงตัดสินใจสั่งลูกน้องให้ขับไปเซียงกง ซื้อไดชาร์จมาให้หน่อย สั่งให้เอารุ่น 100 หรือ 120 แอมป์มา (ในใจยังคิดว่า สงสัยร้านเซียงกงที่ผมซื้อเครื่อง นำไดชาร์จเสื่อมสภาพมาให้ผม)

หลังจากชาร์จแบตฯเตอร์รี่จนเต็มแล้ว และเปลี่ยนไดชาร์จเรียบร้อย ก็คิดว่าคงจบแน่นอน จึงนำรถไปใช้เป็นปกติสุขทั่วๆไป.......พอผ่านไประยะห นึ่ง เกิดอาการเดิมอีกแล้วครับ (เหมือนย่อหน้าที่ 3 นั่นแหละครับ) ในใจก็คิดว่า ทำไมผมโชคร้ายขนาดนี้ ได้ไดชาร์จเซียงกง เสื่อมสภาพลูกที่ 2 อีกแล้ว ไม่ได้การล่ะ คราวนี้ สั่งลูกน้อง ไปซื้อไดชาร์จที่เขาบิวท์มาเรียบร้อยแล้วมาเปลี่ยนใส ่ครับ (ไดชาร์จบิวท์คือ การนำไดชาร์จมาตรวจเช็คสภาพทั้งหมด แล้วพ่นสีให้ดูเหมือนใหม่ และมีการรับประกัน) เท่ากับว่าผมมีไดชาร์จ 3 ลูกแล้ว หลังจากใช้รถครั้งนี้ ก็เฝ้าสังเกตุอาการ ดูที่เกจ์โวลท์ ตลอด จับอาการได้ว่า มีแนงโน้มเหมือนเดิมอีกแล้วครับ แสดงว่า ผมเข้าใจผิดแน่ๆเลยว่า ปัญหาอยู่ที่ไดชาร์จ แต่ทำไมอาการจึงเหมือนว่า ไดชาร์จ ทำงานไม่พอใช้ไฟล่ะครับ

เครื่องยนต์ตัวก่อน ผมก็ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้เลย พอคิดว่า เครื่องยนต์ตัวก่อนไม่เคยเกิดอาการนี้ จึงต้องคิดแล้วว่า อะไรคือตัวการ เปรียบเทียบระหว่างเครื่องยนต์ 2 ตัวนี้ ตัวเดิม (ไม่มี VVT-i) จึงสรุปได้ว่า ตัวการปัญหาอยู่ที่รอบเครื่องนี่เองครับ เนื่องจากว่า เครื่องยนต์ VVT-i รอบเครื่องเดินเบาจะต่ำกว่าปกติทั่วไป แต่เมื่อผมเอาไดชาร์จทั่วๆไปมาใช้ ทำให้ปั่นกระแสไฟได้น้อยในรอบต่ำๆครับ อย่างนี้ ผมจึงต้องใช้ความรู้สมัยก่อนที่เคยเรียนหลักกลศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ครับ (วิธีการคิดเปลี่ยนขนาดพูเล่ย์ ผมเคยเขียนลงไว้ไม่นานมานี้ครับ ลอง Search ดูน่าจะเจอครับ) หลังจากคำนวณเสร็จ จึงสั่งโรงกลึง กลึงพูเล่ย์ขนาดที่ผมต้องการ มาเปลี่ยนใส่ หลังจากนั้น อาการต่างๆที่ผิดปกตินั้น ก็หายเกลี้ยงครับ ใช้รถมาถึงปัจจุบันปีกว่าแล้วครับ ยังไม่ได้เปลี่ยนแบตฯ เปลี่ยนไดชาร์จอีกเลยครับ (อาการปกติตอนนี้ของผมก็คือ เวลาขับรถในรอบสูง แรงเคลื่อนอยู่ที่ 13 โวลท์เศษๆ แต่พออยู่รอบเดินเบา นานแค่ไหนก็ตาม จะอยู่ที่ 12 โวลท์ ต่อให้เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดที่มีก็ตามครับ)
__________________
JZM - 5
Moonlight is offline   ตอบพร้อมอ้างถึงข้อความเดิม
The Following 2 Users Say Thank You to Moonlight For This Useful Post:
samulaiqoo (31-05-2011), tatizoodlor (26-12-2011)