![]() |
ถามเรื่องการใช้งานเกียร์ออโต้ เมื่อขึ้นเขาสูงชันครับ
ผมใช้รถ โคโรลาโด 4 ประตู วางเครื่อง 1 เจ วีวีทีไอ (ไม่โบ) พัดลมระบายความร้อนแบบไฟฟ้า 2 ตัว และใช้เฟืองท้ายขนาด 4.56 (41/9) ขอรถกวนถามน้าว่าเมื่อปีใหม่ขับรถไปเชียงใหม่มาครับต อนขับเส้นทางแม่มาลัย-ปายรถวิ่งได้สบายมากไม่มีอาการตัวร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พอแยกเข้าสวนป่าวัดจันทร์ รถวิ่งบนเขามาแล้วประมาณ 90 กิโลเมตรไม่หยุดพัก ทางก็ขึ้นเขาแต่เหมือนช่วงขึ้นเขาบางช่วงชันและช่วงข ึ้นจะยาวเสียหน่อย (ปกติทางบนเขาทั่วไปจะมีช่วงโค้งหักศอกบ้างไม่หักศอก บ้างให้เครื่องรถได้ปรับกำลังตามจังหวะ) ขอถามคุณน้าดังนี้
1. ตอนขึ้นเขาช่วงชันรถมันปรับเปลี่ยนเกียร์ลงจนถึงเกีย ร์ 1 เลยแต่มันก็ไต่ขึ้นไปเรื่อย แต่ทำไมผมกดคันเร่งลงต่อไปขณะที่เกียร์ 1 อยู่ที่รอบเครื่องไม่ถึง 3000 รอบ แต่กดคันเร่งเพิ่มกำลังเครื่องอีกไม่ได้ เป็นเพราะอะไรครับ 2. ขณะที่ใช้งานบนเขา ทุกสภาพความร้อนไม่ขึ้น แต่พัดลมระบายความร้อนทำงานช่วงนั้นนานมากแทบไม่หยุด เลย (รถผมไม่มีตัวเลขบอกอุณหภูมิ) แต่เกจ์วัดอยู่ระดับปกติ แต่คิดว่าเครื่องคงร้อนไม่ต่ำกว่า 82 องศาตลอดแน่ อุณหภูมิในห้องเกียร์ออโต้จะร้อนจนส่งผลให้กำลังรถตก ลงด้วยหรือไม่ และอาจเป็นอันตรายกับเกียร์หรือไม่ 3. ถ้าผมอยากต่อ A/T Temp จะต้องฝังเซ็นเซอร์ได้บริเวณไหนหรือเครื่องเจมีอยู่แ ล้วหรือไม่ เพราะมิเตอร์ผมมีไฟบอกสถานะความร้อนของเกียร์อยู่ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณน้า และขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่ครับ |
|
อ้างถึง:
|
ขออนุญาติเสนอความคิดเห็นนะครับ เนื่องจากมีโอกาสขับไปเส้นทางนั้นอยู่หลายครั้ง ทั้งเครื่องดีเซลเดิม และ เบนซินที่เปลี่ยนลงไปใหม่ในบอดี้เดียวกัน
1. เวลาขึ้นทางสูงชั้นนอกจากเปลี่ยนเกียร์ต่ำช่วยแล้วจั งหวะส่ง หรือการเลี้ยงรอบเพื่อให้รถอยู่ในช่วงที่มีแรงบิดมาก พอที่จะขึ้นได้เรื่อย ๆ ก็เป็นส่วนสำคัญครับ เครื่องแต่ละรุ่นจะมีช่วงสร้างแรงบิด ณ.รอบเครื่องต่าง ๆ กัน เครื่องดีเซลแรงบิดจะมีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำ เบนซินจะมีให้ใช้ในรอบกลางค่อนสูง เราใช้เครื่องนั้นอยู่เป็นประจำจะรู้ว่ารอบเครื่องไห นที่เครื่องจะสร้างแรงบิดออกมาได้มากอยู่ช่วงไหน ของผมจะอยู่ช่วง 2400-3100 เป็นช่วงที่แรงบิดออกมาดี เส้นทางนั้นที่ผมเดินทางไปไม่เคยเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำถ ึง L เลยครับ ส่วนใหญ่จะใช้ 2 กับ O/D (ปล.รถผมหนัก 2 ตันกว่า ยาง 31 เฟือง 4.5 เกียร์ออโต้ 4x4) 2. ตามน้ามูนว่าครับ แต่ผมเชื่อว่าอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 90 องศาแน่ครับ 3. เซนเซอร์อุณหภูมิเดิมของน้ำมันเกียร์มีอยู่ครับ อยู่ตรงท่อไหลกลับ เซนเซอร์จะอยู่บริเวณข้อต่อน้ำมันไหลออกจากเกียร์ไปเ ข้าออย์น้ำมันเกียร์ ลองเช็คโค๊ดเกียร์ดูครับถ้าน้ำมันเกียร์อุณหภูมิสูงเ กิน มันจะฟ้องโค๊ดเซนเซอร์อุณหภูมิน้ำมันเกียร์ ถ้าช่างต่อไฟที่หน้าปัทม์ เวลาความร้อนสูงเกินไฟมันจะติดที่หน้าปัทม์ด้วยครับ ตอนที่วางเครื่องใหม่ ๆ ผมก็เจออาการคล้ายกับคุณเหมือนกันเนื่องจากของผมออย์ คูลเลอร์เล็กน้ำมันระบายความร้อนน้ำมันเกียร์ไม่ทัน น้ำมันเกียร์เดือดส่งผลให้คลัชเกียร์จับไม่ค่อยอยู่แ ละไหม้ในที่สุด เช็คสีน้ำมันเกียร์จะออกมาสีดำกลิ่นไหม้ชัดเจน สุดท้ายผมหาเซนเซอร์วัดอุณหภูมิมาติดที่ท่อไหลรวมถึง เป็นเทอร์โมสวิตช์สั่งการทำงานของพัดลมให้ช่วยดูดระบ ายความร้อนที่ตัวออย์คูลเลอร์เกียร์ด้วยในตัวครับ หลังจากนั้นมาไม่เคยเจออาการน้ำมันเกียร์เดือดและคลั ชไหม้อีกเลย เวลาขึ้นเขายาว ๆ อุณหภูมิน้ำมันเกียร์ไหลกลับไม่เคยต่ำกว่า 120 องศาครับ ซึ่งน้ำมันเกียร์เองมันทนความร้อนได้กว่า 300 องศา แต่พวกซีลภายในไม่รู้ว่ารับได้เท่าไหร่แต่เอาเป็นเวล าขึ้นเขาแล้วไม่ฟ้องโค๊ดเซนเซอร์ความร้อนน้ำมันเกียร ์ออกมาก็น่าจะใช้ได้ครับ |
อ้างถึง:
โดยปกติ ถึงแม้ว่า ผมจะใช้เกียร์ L เคลื่อนตัวในที่สูงชัน ไม่บ่อยครั้งก็ตาม แต่สมาธิของผม ณ เวลานั้น จะจดจ้องอยู่ที่ ทางข้างหน้า ไม่เคยแยกสมาธิมาดู รอบเครื่องยนต์เลย จึงไม่ทันได้สังเกตุเรื่องนี้ครับผม ดังนั้น ผมขออธิบายเหตุผลในเชิงคาดเดานะครับ ถ้าคุณปรับคันเกียร์ไปที่ L เท่ากับว่า คุณบังคับให้เกียร์ทำงานที่เกียร์ 1 ครับ ซึ่งในระดับเกียร์ 1 นั้น แรงบิดมันจะออกมาเรื่อยๆขณะที่ความเร็วการเคลื่อนตัว ต่ำ ซึ่งผมคิดว่า น่าจะเป็นเพราะว่า ระบบ VVT-i มีการทำงานตามระดับความเร็วรถ และควบคุมรอบเครื่องยนต์ไปในตัว ซึ่งก็หมายความว่า ระบบ VVT-i กำลังควบคุมรอบเครื่องยนต์ ไม่ให้รอบเครื่องสูงเกินไป ซึ่งไม่ได้ประโยชน์ต่อการสร้างแรงบิดที่อยู่ที่ เกียร์ L ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วยครับ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:24 |
Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2025, Jelsoft Enterprises Ltd.
ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels