ClubJZ Forums

ClubJZ Forums (http://www.ClubJZ.net/index.php)
-   ClubJZ! Useful Information (http://www.ClubJZ.net/forumdisplay.php?f=14)
-   -   งานเข้าแล้วครับ ระบบชาร์ตไฟ (http://www.ClubJZ.net/showthread.php?t=34443)

jackblack31 19-05-2009 20:06

งานเข้าแล้วครับ ระบบชาร์ตไฟ
 
รถผม รอบเครื่องดร็อป หลังจากวอร์มเครื่องเสร็จ รอบแค่ 500 รอบครับ เปิดแอร์ก้อ 600 รอบ
เดินเบาไปได้นิดหน่อยก้อจะดับไปเองครับ

ดูจากวัดโวล์ เดินเบาได้แค่ 9 โวล์ท พอเร่งเครื่องโวลท์ก้อขึ้นไป ครับ ไป 12-13 กว่า พอถอนคันเร่งก้อได้แค่ 9 โวลท์ จนดับไปครับ แล้วแบตก็หมดสตาร์ทไม่ติด งง มากครับ

แต่ถ้าขับได้มีการเร่งเครื่องตลอด ไฟในวัดโวลท์ก็ขึ้นลงตามเท้าครับ ก้อใช้ได้ไม่ดับ


ปล. แบตเสื่อมเหรอครับ แต่ติดเครื่องแล้วไม่ใช้ไฟจากแบตนิครับ งง ผมจะเสียเงินทำอะไรกับมันดี:(

cpservice 19-05-2009 20:23

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ jackblack31 (322815 กระทู้)
รถผม รอบเครื่องดร็อป หลังจากวอร์มเครื่องเสร็จ รอบแค่ 500 รอบครับ เปิดแอร์ก้อ 600 รอบ
เดินเบาไปได้นิดหน่อยก้อจะดับไปเองครับ

ดูจากวัดโวล์ เดินเบาได้แค่ 9 โวล์ท พอเร่งเครื่องโวลท์ก้อขึ้นไป ครับ ไป 12-13 กว่า พอถอนคันเร่งก้อได้แค่ 9 โวลท์ จนดับไปครับ แล้วแบตก็หมดสตาร์ทไม่ติด งง มากครับ

แต่ถ้าขับได้มีการเร่งเครื่องตลอด ไฟในวัดโวลท์ก็ขึ้นลงตามเท้าครับ ก้อใช้ได้ไม่ดับ


ปล. แบตเสื่อมเหรอครับ แต่ติดเครื่องแล้วไม่ใช้ไฟจากแบตนิครับ งง ผมจะเสียเงินทำอะไรกับมันดี:(

ระบบไฟชาร์จมีปัญหาครับ
ไล่ดูพวกสายไฟ จากแบตเส้นใหญ่ดูว่าแน่นหนาดีป่าว
กราวด์จากเครื่องมาแบตดีไหม ที่ปลั๊กไดชาร์จที่มีสายไฟ 3 เส้น
ต้องมีไฟตรงและไฟไอจี อย่างละเส้นครับ ส่วนอีกเส้นเป็นหลอดหน้าปัทม์

ถ้าเช็คพวกสายไฟหมดแล้วปกติดีทุกอย่าง
ก็มีอย่างเดียวคือไดชาร์จ ต้องลองรื้อดู ถ่านหมด คัทเอาท์เจ๊ง ทุ่นไหม้ ไดโอดช๊อต
หรือหาของเซียงกงก็ได้ ประมาณ 1000 +-

ลองดู:cool:

bunnakon 19-05-2009 20:28

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ cpservice (322825 กระทู้)
ระบบไฟชาร์จมีปัญหาครับ
ไล่ดูพวกสายไฟ จากแบตเส้นใหญ่ดูว่าแน่นหนาดีป่าว
กราวด์จากเครื่องมาแบตดีไหม ที่ปลั๊กไดชาร์จที่มีสายไฟ 3 เส้น
ต้องมีไฟตรงและไฟไอจี อย่างละเส้นครับ ส่วนอีกเส้นเป็นหลอดหน้าปัทม์

ถ้าเช็คพวกสายไฟหมดแล้วปกติดีทุกอย่าง
ก็มีอย่างเดียวคือไดชาร์จ ต้องลองรื้อดู ถ่านหมด คัทเอาท์เจ๊ง ทุ่นไหม้ ไดโอดช๊อต
หรือหาของเซียงกงก็ได้ ประมาณ 1000 +-

ลองดู:cool:

เห็นด้วยกับคุณปังปอนด์ครับ

pyf 19-05-2009 20:38

ถ่านหมด คัทเอาท์เจ๊ง ทุ่นไหม้ ไดโอดช๊อต

อิๆๆ ลองเช็คตามที่คุณปังปอนด์ว่าแหละ ของผมเคย ไดโอดไหม้มาที เปลี่ยนเป็นแบบโมฯซะเลย

:emo_toon24:

Moonlight 20-05-2009 03:40

ก่อนอื่น ต้องทราบก่อนว่า เครื่องยนต์ของคุณ เป็นเครื่องยนต์รุ่นอะไรครับ?
มีระบบ VVT-i หรือไม่ครับ?
เคยเปลี่ยน ไดชาร์จ แล้วหรือยังครับ? หรือว่าเป็นไดชาร์จเดิมๆติดรถครับ?

ที่ต้องถามแบบนี้ เพราะว่า ผมเคยมีประสพการณ์นี้มาก่อนครับ ดังนี้ครับ

อ้างถึง:

ตอนที่ผมอยู่ที่ร้านเซียงกงซื้อเครื่องยนต์ 2JZ-GE VVT-i ผมรู้อยู่แล้วว่า จะเอาไปวางในรถผมซึ่งใช้ระบบไฟเยอะมาก ซึ่งไดชาร์จติดเครื่องยนต์มานั้น ชาร์จไฟให้ผมไม่พอแน่ (เป็นการเข้าใจเอง ซึ่งเป็นความผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น) ผมจึงขอแลกเปลี่ยน ไดชาร์จ จากที่ร้าน ขอไดชาร์จลูกใหญ่ จากเดิน 60 หรือ 70 แอมป์จำไม่ได้ครับ เปลี่ยนเป็นตัว 100 แอมป์ครับ

จากนั้นผ่านมา 3 เดือน (ผมเอาเวลาว่างมาดูแลให้ลูกน้องวางเครื่องเอง วายริ่งสายไฟเอง จึงนานหน่อยครับ) ทดลองขับ เห็นรอบเดินเบา ต่ำกว่าเครื่องยนต์ทั่วๆไป (ปกติเครื่องยนต์ทั่วๆไป ถ้าเปิดแอร์ใช้งาน รอบเครื่องจะอยู่ที่ประมาณ 900 รอบ แต่ระบบ VVT-i อยู่ที่ 650 รอบครับ) ก็รู้ว่า รุ่นนี้ น่าจะประหยัดน้ำมันกว่าแน่ ก็เป็นจริงดังคิดครับ ทดลองขับใช้ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร (ผมใช้แบตเตอร์รี่ 120 แอมป์แผ่นเต็มลูกใหญ่ครับ) แต่พอนำมาใช้งานจริง มันไม่ได้เป็นปกติดังคิดซิครับ

รถผมติดตั้ง OBD1 ของคุณโต้ง เกจ์วัดแรงเคลื่อนไฟฟ้า จึงละเอียด เวลาขับรถใช้ทั่วๆไป (ส่วนใหญ่ผมจะใช้วิ่งทางไกลๆ วันอาทิตย์รถไม่ติด) เกจ์ออกมาที่ 13 โวลท์เศษๆ แต่มีคืนหนึ่ง ต้องขับรถออกมาธุระในเมือง เจอสภาพการจราจรติดขัด (เครื่องยนต์อยู่สภาวะเดินรอบเบา มากกว่า เดินรอบสูง) เกจ์วัดโวลท์โชว์อาการผิดปกติให้เห็นครับ พอรถขับเคลื่อนตัว เกจ์แจ้ง 13 โวลท์เศษ แต่พอหยุดรถ แรงเคลื่อน ค่อยๆตกลงมา จาก 13 ลงมาที่ 12.9 --> 12.8 --> 12.7 --> 12.6 --> ....จนกระทั่ง 11.0 โวลท์ จากนั้น ก็ทำท่าว่าจะตกลงไปอีก โดยตัวเลขต่ำกว่า 11 แต่ว่า จะมีตัวเลข ขึ้นๆลงๆ แต่แนวโน้มไปทางลงต่ำกว่า 10.9 โวลท์ ผมเห็นว่าไม่ได้การแน่ครับ แบบนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าผมพังแน่ รถก็ติดอยู่อย่างนั้น จึงตัดสินใจ

เริ่มปิดเครื่องเสียง ก็ไม่ช่วยสภานะการณ์ให้ดีขึ้นเท่าไหร่
ขั้นต่อมา ปิดแอร์ (ในห้องโดยสารรถผมมีพัดลมแอร์หลายตัวครับ) เริ่มดีขึ้นครับ ตัวเลขเริ่มขึ้นมาแล้ว (เริ่มขึ้นมา 11.5 โวลท์ทันทีให้เห็น และตัวเลขขยับขึ้นลง แต่อยู่ในเกณฑ์ขึ้น ค่าเฉลี่ยที่ 11.5 โวลท์ครับ)

แต่ว่า ในรถ ผู้โดยสารเต็มรถ นั่งกัน 5 คน จะปิดแอร์ขับทั้งๆ รถติดได้อย่างไร? จึงตัดสินใจเปิดแอร์ใหม่ครับ แรงเคลื่อนไฟฟ้าก็ตกลงมาอีก จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ ใช้วิธีเข้าเกียร์ N ใส่เบรคมือ แล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มรอบเครื่อง มาที่ประมาณ 900 รอบ แรงเคลื่อนจึงกลับมาอยู่ที่ 12.5 โวลท์ คืนนั้น จึงต้องปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเวลารถติดอยู่กับที่ เป็นคืนที่ขับรถแบบทรมานจังเลยครับ ในใจก็คิดว่า สงสัย แบตเตอร์รี่ผมคงจะเสื่อมแล้วมั้ง เพราะว่า ช่วงแรงเคลื่อนตกนั้น ไฟหน้าก็หรี่แสงลงไปด้วย คิดไว้ว่า วันรุ่งขึ้น จะทำการตรวจเช็คซักหน่อย

แต่ว่า พอถึงวันรุ่งขึ้น มีงานด่วนให้ทำ ไม่ว่างมายุ่งเรื่องรถ ผ่านพ้นไป 5 วัน กลับมาสตาร์ทรถ ...อ้าว!...สตาร์ทไม่ติดแล้ว รู้ได้เลยว่า ไฟแบตเตอร์รี่หมด เอาไฮดรอมิเตอร์มาวัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกลั่นพิสูจ น์ ก็เป็นจริงครับ ไฟในหม้อแบตฯเกลี้ยงเลย จึงยกแบตฯลงมาชาร์จ (ผมมีตู้ชาร์จแบตฯ) เปิดสวิทช์ชาร์จชาร์จแบบช้าๆ (ไม่เกิน 25% ของประจุไฟแบตฯ โดยแบตฯของผมมีประจุ 120 แอมป์ 25%จึง= 30 แอมป์ แต่ผมตั้งไว้ที่ 20 แอมป์) ชาร์จผ่านไป 20 ชั่วโมง มาดูที่เกจ์เครื่องชาร์จ ก็เห็นว่า ได้ระดับเต็มแล้ว จึงดับเครื่องชาร์จ แล้วปล่อยให้แบตฯเย็นตัว จากนั้นนำไฮดรอมิเตอร์มาวัดความถ่วงจำเพาะน้ำกรดอีกท ี ได้ระดับ 1.2 เป็นอันใช้ได้ ไฟเต็มแน่ จึงเอามาใส่ไว้ในรถครับ จากนั้น ก็สตาร์ทรถ ขับใช้งาน ก็ปกติทั่วไป ค่อยใจชื้นหน่อย แต่ยังคาใจอยู่เรื่องที่ว่า ทำไมไฟแบตฯจึงหมดได้ (ผมเช็คอาการไฟรั่วในรถแล้ว ไม่มีครับ)

ใช้ไประยะหนึ่ง ก็เกิดอาการเดิมอีกแล้วครับ (เหมือนย่อหน้าที่ 3 นั่นแหละครับ) คิดในใจว่า อย่างนี้ไม่ได้การแล้ว แบตฯคงเสื่อมแน่ๆแล้ว วันรุ่งขึ้น จึงตรวจเช็คประจุแบตฯ วัดไฮดรอมิเตอร์แล้ว ถึงจะรู้ว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่ก็ยังอยู่ในขีดปกติ เอามิเตอร์วัดแรงเคลื่อนที่แบตฯ ก็ได้ 12 โวลท์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แสดงว่า ไม่ใช่ปัญหาที่แบตฯเสื่อมแล้วล่ะครับ ตัวการปัญ
หาต้องอยู่ที่ ไดชาร์จแน่นอน จึงตัดสินใจสั่งลูกน้องให้ขับไปเซียงกง ซื้อไดชาร์จมาให้หน่อย สั่งให้เอารุ่น 100 หรือ 120 แอมป์มา (ในใจยังคิดว่า สงสัยร้านเซียงกงที่ผมซื้อเครื่อง นำไดชาร์จเสื่อมสภาพมาให้ผม)

หลังจากชาร์จแบตฯเตอร์รี่จนเต็มแล้ว และเปลี่ยนไดชาร์จเรียบร้อย ก็คิดว่าคงจบแน่นอน จึงนำรถไปใช้เป็นปกติสุขทั่วๆไป.......พอผ่านไประยะห นึ่ง เกิดอาการเดิมอีกแล้วครับ (เหมือนย่อหน้าที่ 3 นั่นแหละครับ) ในใจก็คิดว่า ทำไมผมโชคร้ายขนาดนี้ ได้ไดชาร์จเซียงกง เสื่อมสภาพลูกที่ 2 อีกแล้ว ไม่ได้การล่ะ คราวนี้ สั่งลูกน้อง ไปซื้อไดชาร์จที่เขาบิวท์มาเรียบร้อยแล้วมาเปลี่ยนใส ่ครับ (ไดชาร์จบิวท์คือ การนำไดชาร์จมาตรวจเช็คสภาพทั้งหมด แล้วพ่นสีให้ดูเหมือนใหม่ และมีการรับประกัน) เท่ากับว่าผมมีไดชาร์จ 3 ลูกแล้ว หลังจากใช้รถครั้งนี้ ก็เฝ้าสังเกตุอาการ ดูที่เกจ์โวลท์ ตลอด จับอาการได้ว่า มีแนงโน้มเหมือนเดิมอีกแล้วครับ แสดงว่า ผมเข้าใจผิดแน่ๆเลยว่า ปัญหาอยู่ที่ไดชาร์จ แต่ทำไมอาการจึงเหมือนว่า ไดชาร์จ ทำงานไม่พอใช้ไฟล่ะครับ

เครื่องยนต์ตัวก่อน ผมก็ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้เลย พอคิดว่า เครื่องยนต์ตัวก่อนไม่เคยเกิดอาการนี้ จึงต้องคิดแล้วว่า อะไรคือตัวการ เปรียบเทียบระหว่างเครื่องยนต์ 2 ตัวนี้ ตัวเดิม (ไม่มี VVT-i) จึงสรุปได้ว่า ตัวการปัญหาอยู่ที่รอบเครื่องนี่เองครับ เนื่องจากว่า เครื่องยนต์ VVT-i รอบเครื่องเดินเบาจะต่ำกว่าปกติทั่วไป แต่เมื่อผมเอาไดชาร์จทั่วๆไปมาใช้ ทำให้ปั่นกระแสไฟได้น้อยในรอบต่ำๆครับ อย่างนี้ ผมจึงต้องใช้ความรู้สมัยก่อนที่เคยเรียนหลักกลศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ครับ (วิธีการคิดเปลี่ยนขนาดพูเล่ย์ ผมเคยเขียนลงไว้ไม่นานมานี้ครับ ลอง Search ดูน่าจะเจอครับ) หลังจากคำนวณเสร็จ จึงสั่งโรงกลึง กลึงพูเล่ย์ขนาดที่ผมต้องการ มาเปลี่ยนใส่ หลังจากนั้น อาการต่างๆที่ผิดปกตินั้น ก็หายเกลี้ยงครับ ใช้รถมาถึงปัจจุบันปีกว่าแล้วครับ ยังไม่ได้เปลี่ยนแบตฯ เปลี่ยนไดชาร์จอีกเลยครับ (อาการปกติตอนนี้ของผมก็คือ เวลาขับรถในรอบสูง แรงเคลื่อนอยู่ที่ 13 โวลท์เศษๆ แต่พออยู่รอบเดินเบา นานแค่ไหนก็ตาม จะอยู่ที่ 12 โวลท์ ต่อให้เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดที่มีก็ตามครับ)


abutsri 20-05-2009 03:53

สุดยอดครับลุงมูน อธิบายได้แจ่มชัดเลยครับ:emo_toon05: :emo_toon05:

Moonlight 20-05-2009 06:41

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ jackblack31 (322815 กระทู้)
รถผม รอบเครื่องดร็อป หลังจากวอร์มเครื่องเสร็จ รอบแค่ 500 รอบครับ เปิดแอร์ก้อ 600 รอบ
เดินเบาไปได้นิดหน่อยก้อจะดับไปเองครับ

ดูจากวัดโวล์ เดินเบาได้แค่ 9 โวล์ท พอเร่งเครื่องโวลท์ก้อขึ้นไป ครับ ไป 12-13 กว่า พอถอนคันเร่งก้อได้แค่ 9 โวลท์ จนดับไปครับ แล้วแบตก็หมดสตาร์ทไม่ติด งง มากครับ

แต่ถ้าขับได้มีการเร่งเครื่องตลอด ไฟในวัดโวลท์ก็ขึ้นลงตามเท้าครับ ก้อใช้ได้ไม่ดับ


ปล. แบตเสื่อมเหรอครับ แต่ติดเครื่องแล้วไม่ใช้ไฟจากแบตนิครับ งง ผมจะเสียเงินทำอะไรกับมันดี:(

มีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกครับ เพราะว่าเห็นคำถามเรื่อง แบนเตอร์รี่
อ้างถึง:

ปล. แบตเสื่อมเหรอครับ แต่ติดเครื่องแล้วไม่ใช้ไฟจากแบตนิครับ งง ผมจะเสียเงินทำอะไรกับมันดี
เวลาสตาร์ทรถติดเครื่องเรียบร้อยแล้ว หน้าที่หลักในการจ่ายไฟก็คือ ไดชาร์จจริงๆครับ แต่ต้องอย่าลืมว่า แบตเตอร์รี่ก็คือหน้าที่รองในการจ่ายไฟเช่นกันครับ ถ้าไดชาร์จจ่ายไฟให้ไม่พอ แบตเตอร์รี่ก็จะช่วยจ่ายไฟเสริมแทนให้ครับ

ดังนั้น ถ้าไดชาร์จทำงานจ่ายไฟให้ไม่พอนานๆเข้า แบตเตอร์รี่ก็จะต้องจ่ายไฟเสริมเข้ามาใช้ นานๆเข้าประจุไฟในแบตฯก็จะอ่อนลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะหมดได้ครับ และถ้าไม่มีการแก้ไขใดใด เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แบตเตอร์รี่ก็เสื่อมสภาพได้เช่นกันครับ

อ้างถึง:

แบตเตอร์รี่ถือเป็นหัวใจของระบบไฟฟ้าในรถ โดยมีส่วนสำคัญของระบบสตาร์ทรถ, ระบบประจุไฟ, ระบบจุดระเบิดและวงจรอื่นๆครับ

แบตเตอร์รี่ในวงจรประจุไฟ จะทำงานร่วมกับ เยนเนอเรเตอร์หรืออัลเทอเนเตอร์ (ไดชาร์จ) ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะในการทำงานเป็น 3 สภาวะดังนี้ครับ

1. แบตเตอร์รี่ คายประจุหรือจ่ายกระแสในระบบ ดังนี้ครับ

ขั้ว + แบตเตอร์รี่ -->> ขั้ว +เครื่องใช้ไฟฟ้า -->> ขั้ว - เครื่องใช้ไฟฟ้า -->> ขั้ว - แบตเตอร์รี่ (เป็นขั้นตอนการใช้ไฟในขณะที่ยังไม่ได้สตาร์ทรถ)

2. แบตเตอร์รี่และ
เยนเนอเรเตอร์หรืออัลเทอเนเตอร์ (ไดชาร์จ) จ่ายกระแสให้แก่ระบบ ดังนี้ครับ

ขั้ว + ไดชาร์จ และขั้ว + แบตเตอร์รี่ -->>
ขั้ว +เครื่องใช้ไฟฟ้า -->> ขั้ว - เครื่องใช้ไฟฟ้า -->> ขั้ว - แบตเตอร์รี่ และ ขั้ว - ไดชาร์จ (เป็นขั้นตอนการใช้ไฟในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ติดเครื่อง แล้วและไดชาร์จจ่ายไฟได้เพียงพอ)

3.
เยนเนอเรเตอร์หรืออัลเทอเนเตอร์ (ไดชาร์จ) จ่ายกระแสไฟให้แก่ระบบและประจุแบตเตอร์รี่ ดังนี้ครับ

ขั้ว + ไดชาร์จ -->> ขั้ว + แบตเตอร์รี่ และ ขั้ว + เครื่องใช้ไฟฟ้า -->> ขั้ว - เครื่องใช้ไฟฟ้า และขั้ว + แบตเตอร์รี่ -->> ขั้ว - ไดชาร์จ (เป็นขั้นตอนเมื่อแบตเตอร์รี่ต้องการประจุไฟขณะที่เค รื่องใช้ไฟฟ้าก็ต้องการไฟ ในขณะที่เครื่องยนต์ติดทำงานแล้ว)

ในกรณีของคุณ จริงๆแล้ว ควรเป็นกรณีข้อที่ 2 แต่เพราะว่า ไดชาร์จปั่นกระแสไฟให้ไม่พอ แบตเตอร์รี่จึงทำงานจ่ายประจุไฟเสริม จนอ่อนตัวกลายเป็นเข้ากรณีข้อที่ 3 แต่ว่า ไดชาร์จก็ยังจ่ายกระแสไฟไม่พอยิ่งขึ้นอยู่ดี จึงทำให้แบตเตอร์รี่ ค่อยๆเสื่อมสภาพไปครับ

jackblack31 20-05-2009 19:11

ขอบคุณ คุณมูนมากๆ ครับ
 
ตอบจนทำให้ผมหาย สงสัย และเห็นภาพรวมเลย ครับ

ผมจะเริ่มจากไดร์ชาต ก่อน เอาไดร์บิ้วใหม่ 120 แอม
ถ้าไม่ดีขึ้น ก้อ แบตเตอรรี่ เสื่อม

และ ถ้าไม่ดีก้ออาจเป็นไปได้ว่า ไดชาต์ที่อยู่ในรถผม ถูกเปลี่ยนไซด์พูเล่ย์


ปล. ก่อนหน้านี้รถผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนครับ รถผม a 31 1 j gte

คันนี้รับส่ง พ่อผมไปหาหมอที่ศิริราชทุกอาทิตย์ จนพ่อเสียไปแล้ว เก่ายังไงก้อรัก:emo_toon01:

Moonlight 20-05-2009 19:17

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ jackblack31 (323381 กระทู้)
ตอบจนทำให้ผมหาย สงสัย และเห็นภาพรวมเลย ครับ

ผมจะเริ่มจากไดร์ชาต ก่อน เอาไดร์บิ้วใหม่ 120 แอม
ถ้าไม่ดีขึ้น ก้อ แบตเตอรรี่ เสื่อม

และ ถ้าไม่ดีก้ออาจเป็นไปได้ว่า ไดชาต์ที่อยู่ในรถผม ถูกเปลี่ยนไซด์พูเล่ย์


ปล. ก่อนหน้านี้รถผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนครับ รถผม a 31 1 j gte

คันนี้รับส่ง พ่อผมไปหาหมอที่ศิริราชทุกอาทิตย์ จนพ่อเสียไปแล้ว เก่ายังไงก้อรัก:emo_toon01:

ที่ผมเขียนบอกนั้น ผมเน้นเฉพาะ ระบบ VVT-i ที่รอบเดินเบาต่ำกว่าปกติทั่วๆไปครับผม ส่วนเครื่องยนต์ที่ไม่ใช่ VVT-i รอบเดินเบาทั่วๆไปอยู่ที่ 900 รอบอยู่แล้วครับ พูเล่ย์ไดชาร์จที่ติดอยู่กับตัวไดชาร์จ จึงน่าจะเป็นมาตราฐานครับ ดังนั้น กรณีของคุณ ผมคิดว่า ไดชาร์จของคุณเสื่อมครับ และทำให้ แบตเตอร์รี่ของคุณอ่อนลงและอาจจะเสื่อมได้เช่นกันครั บ

คุณจะซื้อไดชาร์จ ขนาด 120 แอมป์ ก็ได้ครับ แต่ว่า ผมแนะนำว่า ให้ซื้อขนาดใกล้เคียงกับแบตเตอร์รี่ของคุณจะดีที่สุด ครับ หรือขนาดของไดชาร์จ ขึ้นอยู่กับ เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถครับ ควรเช็คดูว่า กินกระแสไฟรวมทั้งหมดเท่าไหร่ จึงซื้อขนาดเท่านั้นครับ ใหญ่เกินไป นอกจากติดแล้วเกะกะ ยังจะทำให้เปลืองพลังงานเครื่องยนต์ เท่ากันกินน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นด้วยครับผม

Iamzeed 21-05-2009 02:11

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Moonlight (323385 กระทู้)
ที่ผมเขียนบอกนั้น ผมเน้นเฉพาะ ระบบ VVT-i ที่รอบเดินเบาต่ำกว่าปกติทั่วๆไปครับผม ส่วนเครื่องยนต์ที่ไม่ใช่ VVT-i รอบเดินเบาทั่วๆไปอยู่ที่ 900 รอบอยู่แล้วครับ พูเล่ย์ไดชาร์จที่ติดอยู่กับตัวไดชาร์จ จึงน่าจะเป็นมาตราฐานครับ ดังนั้น กรณีของคุณ ผมคิดว่า ไดชาร์จของคุณเสื่อมครับ และทำให้ แบตเตอร์รี่ของคุณอ่อนลงและอาจจะเสื่อมได้เช่นกันครั บ

คุณจะซื้อไดชาร์จ ขนาด 120 แอมป์ ก็ได้ครับ แต่ว่า ผมแนะนำว่า ให้ซื้อขนาดใกล้เคียงกับแบตเตอร์รี่ของคุณจะดีที่สุด ครับ หรือขนาดของไดชาร์จ ขึ้นอยู่กับ เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถครับ ควรเช็คดูว่า กินกระแสไฟรวมทั้งหมดเท่าไหร่ จึงซื้อขนาดเท่านั้นครับ ใหญ่เกินไป นอกจากติดแล้วเกะกะ ยังจะทำให้เปลืองพลังงานเครื่องยนต์ เท่ากันกินน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นด้วยครับผม

อาจารย์ครับ เครื่องผม vvti เหมือนกัน แต่ทำไม รอบเดินเบา no load อยู่ที่ 8-900 ตลอดครับ

Moonlight 21-05-2009 08:31

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Iamzeed (323667 กระทู้)
อาจารย์ครับ เครื่องผม vvti เหมือนกัน แต่ทำไม รอบเดินเบา no load อยู่ที่ 8-900 ตลอดครับ

คุณต้องเช็คเรื่อง สายสัญญาณความเร็ว (SP1 และ SP2) แล้วครับ น่าจะมีสัญญาณใดสัญญาณหนึ่งไม่ได้ต่อเข้าระบบ หรือไม่ก็กล่องชำรุด ไม่รับสัญญาณความเร็วครับ ถ้าไม่มีสัญญาณนี้ ระบบ VVT-i จะไม่ทำงานครับ จะไม่ส่งสัญญาณปรับองศาวาล์ว และไม่ปรับรอบเครื่องยนต์ครับ เท่ากับว่า เป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบ VVT-i และตามหลักการแล้วจะกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าระบบธ รรมดาด้วยครับ

จากเรื่องนี้ทำให้นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่งคือว่า ให้เช็คสายสัญญาณ VVT-i ด้วยว่า วายริ่งเข้ากล่องหรือเปล่านะครับ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ตามหลักการแล้ว ถ้าระบบ VVT-i ไม่ทำงาน รอบเครื่องจะรวนมากกว่านี้ (รอบสูง) สงสัยว่า ช่างจะไปปรับรอบเครื่องด้วยมั้งครับ

************************************************** ****************************
อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Moonlight 21/5/2552 09.14 น.
ผมลืมไปอีกเรื่องครับ คือว่า ถ้าทุกอย่างปกติถูกต้องหมด จะเป็นไปได้มั้ยครับว่า เกจ์บอกรอบเครื่องของคุณเพี้ยน?


traitap 21-05-2009 13:58

ถ้ารอบเดินเบาขณะไม่เข้าเกียร์ (N or P) อยู่ที่900 และเมื่อเข้าเกียร์ (D) อยู่ที่ 650 รอบ อย่างนี้ถือว่า VVTi ทำงานหรือเปล่าครับ

Moonlight 21-05-2009 14:37

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ traitap (324008 กระทู้)
ถ้ารอบเดินเบาขณะไม่เข้าเกียร์ (N or P) อยู่ที่900 และเมื่อเข้าเกียร์ (D) อยู่ที่ 650 รอบ อย่างนี้ถือว่า VVTi ทำงานหรือเปล่าครับ

ไม่มั่นใจนะครับ แต่ถ้าเป็น ระบบ VVT-i ที่ผมใช้อยู่ ไม่ว่า รอบเดินเบา หรือว่า เข้าเกียร์ D รอบเครื่องก็จะอยู่ที่ 650 รอบ ขึ้นลงนิดหน่อยเท่านั้นครับ รอบเครื่องสม่ำเสมอครับ

Iamzeed 21-05-2009 23:09

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Moonlight (323738 กระทู้)
คุณต้องเช็คเรื่อง สายสัญญาณความเร็ว (SP1 และ SP2) แล้วครับ น่าจะมีสัญญาณใดสัญญาณหนึ่งไม่ได้ต่อเข้าระบบ หรือไม่ก็กล่องชำรุด ไม่รับสัญญาณความเร็วครับ ถ้าไม่มีสัญญาณนี้ ระบบ VVT-i จะไม่ทำงานครับ จะไม่ส่งสัญญาณปรับองศาวาล์ว และไม่ปรับรอบเครื่องยนต์ครับ เท่ากับว่า เป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบ VVT-i และตามหลักการแล้วจะกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าระบบธ รรมดาด้วยครับ

จากเรื่องนี้ทำให้นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่งคือว่า ให้เช็คสายสัญญาณ VVT-i ด้วยว่า วายริ่งเข้ากล่องหรือเปล่านะครับ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ตามหลักการแล้ว ถ้าระบบ VVT-i ไม่ทำงาน รอบเครื่องจะรวนมากกว่านี้ (รอบสูง) สงสัยว่า ช่างจะไปปรับรอบเครื่องด้วยมั้งครับ

************************************************** ****************************

มุดใต้ท้องมาแล้วครับ

ปลั๊ก 8p 2p ต่อครบ ไล่สายเข้ากล่องตรงครับ

มีปลั๊ก 3p เหลือสองปลั๊ก สีเทากับสีดำ เดาว่าเป็นสัญญาณไปคันเกียร์ กับหน้าปัทม์

o/d กับ power ทำงานครบ

ส่วนที่กล่อง vvti เข้ากล่องครบสองเส้น sp2+ sp2- ตรงตาม wiring

sp1 สีม่วงตรงพิน ตรงสี / ยังไม่ได้เปิดหน้าปัทม์ดูว่า sp1 มาจากไมล์หรือเปล่า

ตอนนี้เลยเริ่มสงสัยเหมือนอาจารย์ หรือว่า วัดรอบผมเพี้ยน เพราะแปลงมาจาก 4 สูบ

สงสัยต้องติด obd ซะแล้ว

และอยากรู้ต่อว่า sp1 มัน 1 จริงๆ หรือ tab มาจาก sp2

...

จากกระทู้ก่อน เรื่องออกตัวกระตุก อาจมาจากเฟืองท้ายครับ เพราะเก่าแก่เหลือเกิน

แล้วก็ ช่างใช้กากบาทแทนยอยยางครับ

.
.

ถามต่อครับ เราจะทราบได้อย่างไรว่า vvti ทำงาน.... มีเสียง หรือ sign อื่นหรือไม่ครับ

และกล่อง 89661-3a130 เป็น obd1 หรือ obd2 ครับ

ขอบคุณครับ

Moonlight 22-05-2009 08:47

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Iamzeed (324385 กระทู้)
มุดใต้ท้องมาแล้วครับ

ปลั๊ก 8p 2p ต่อครบ ไล่สายเข้ากล่องตรงครับ

มีปลั๊ก 3p เหลือสองปลั๊ก สีเทากับสีดำ เดาว่าเป็นสัญญาณไปคันเกียร์ กับหน้าปัทม์

o/d กับ power ทำงานครบ

ส่วนที่กล่อง vvti เข้ากล่องครบสองเส้น sp2+ sp2- ตรงตาม wiring

sp1 สีม่วงตรงพิน ตรงสี / ยังไม่ได้เปิดหน้าปัทม์ดูว่า sp1 มาจากไมล์หรือเปล่า

ตอนนี้เลยเริ่มสงสัยเหมือนอาจารย์ หรือว่า วัดรอบผมเพี้ยน เพราะแปลงมาจาก 4 สูบ

สงสัยต้องติด obd ซะแล้ว

และอยากรู้ต่อว่า sp1 มัน 1 จริงๆ หรือ tab มาจาก sp2

...

จากกระทู้ก่อน เรื่องออกตัวกระตุก อาจมาจากเฟืองท้ายครับ เพราะเก่าแก่เหลือเกิน

แล้วก็ ช่างใช้กากบาทแทนยอยยางครับ

.
.

ถามต่อครับ เราจะทราบได้อย่างไรว่า vvti ทำงาน.... มีเสียง หรือ sign อื่นหรือไม่ครับ

และกล่อง 89661-3a130 เป็น obd1 หรือ obd2 ครับ

ขอบคุณครับ

ถ้าคุณเดินสายไฟครบ คุณก็สบายใจได้ไปเปราะหนึ่งแล้วครับ

ส่วนเรื่อง การกระตุกตอนออกตัวนั้น ก็เป็นไปได้ว่า เป็นผลจากเฟืองท้ายก็ได้ ถ้ามันหลวมครับ(ตั้งได้นะครับ) ไหนๆก็ตรวจเช็คแล้ว ลองเช็คสายไฟจากสวิทช์ไฟเบรคด้วยนะครับ ว่า เดินเข้ากล่อง ECU หรือเปล่าครับ

เรื่อง VVT-i ทำงานหรือไม่นั้น ง่ายๆแค่ ขับแล้ว ทุกเกียร์เปลี่ยนได้ราบรื่น ไม่เกิน 2000 - 2500 รอบ และเวลาออกตัว จากเกียร์ 1 นั้น รถเราออกตัวได้แรง (ถ้าอยู่ที่คันแรกของสี่แยก พอไฟเขียว รถเราออกตัวไม่แพ้ใคร นั่นแหละครับ ผลของ VVT-i ครับ) และที่สำคัญ ถ้า เป็นเครื่องยนต์ชนิด VVT-i ถ้า VVT-i ไม่ทำงาน จะกินพลังงานเชื้อเพลิงมากผิดปกติครับ

ผมไม่รู้ผังวายริ่งของรุ่น 89661-3a130 นะครับ แต่ผมคิดว่า สายสีม่วงที่ออกจากกล่อง น่าจะสามารถเดินเข้าหลังเกจ์ไมล์ได้เลยครับ

ส่วนเรื่อง เป็น obd1 หรือ obd2 นั้น ให้ถามคุณโต้งโดยตรงครับ

traitap 22-05-2009 13:58

อยากทราบว่าอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงกรณี vvti ทำงาน ปกติเฉลี่ยที่เท่าไร เอาตามมาตรฐานของเครื่องก่อนครับ เพราะน้ำหนักรถหรือตัวแปรอื่นอาจทำให้ไม่เท่ากันได้ เพราะรถผมหนัก 1.8 ตัน กับเครื่อง 1 jz vvti บริโภคอยู่ 8 กม./ลิตร ครับ

Moonlight 22-05-2009 15:27

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ traitap (324802 กระทู้)
อยากทราบว่าอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงกรณี vvti ทำงาน ปกติเฉลี่ยที่เท่าไร เอาตามมาตรฐานของเครื่องก่อนครับ เพราะน้ำหนักรถหรือตัวแปรอื่นอาจทำให้ไม่เท่ากันได้ เพราะรถผมหนัก 1.8 ตัน กับเครื่อง 1 jz vvti บริโภคอยู่ 8 กม./ลิตร ครับ

แค่นั้นก็ประหยัดแล้วครับ ยิ่งถ้าขับไม่เกิน 100 - 120 ก.ม./ช.ม. น่าจะมี 9 - 10 ก.ม./ลิตรครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:53

Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels