ClubJZ Forums

ClubJZ Forums (http://www.ClubJZ.net/index.php)
-   ClubJZ ! GAS (http://www.ClubJZ.net/forumdisplay.php?f=5)
-   -   สอบถามพี่"เค"ครับ... (http://www.ClubJZ.net/showthread.php?t=37100)

roj_1J 16-07-2009 08:20

สอบถามพี่"เค"ครับ...
 
พอดีผมไปเจอระบบเชื้อเพลิงร่วม H2O ที่เขาใช้วิธีแยกก๊าซออกจากน้ำ เขาบอกว่าช่วยประหญัดน้ำมันและแก๊สได้ หลักการทำงานของมันคือนำ ท่อHที่ทำการแยกแล้ว มาต่อเข้าท่อร่วม ID เขาบอกว่าช่วยในการจุดระเบิด จริงเท็จแค่ใหน รบกวนพี่เคช่วยอธิบายให้ด้วยครับ.....:emo_toon06:

BirdyReds 16-07-2009 10:52

ขออนุญาตตอบแทนพี่เคนะครับ

อันนี้เป็นข้อมูลที่ผมไปอ่านเจอมา เลยเอามาแบ่งปันครับ :)

หัวใจในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฮโดรเจนอยู่ที่ เซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นเยื่อบาง ๆ ใส ๆ เหมือนแผ่นกันแสงคล้ายฟิล์มในรถยนต์ เรียกว่า MEA ที่ย่อมาจาก Membrane Electrode Assem bly เรียกเป็นภาษาไทยว่า เยื่อแลกเปลี่ยนโปรตรอน โดยทั้ง 2 ด้านของ MEA จะประกอบด้วยแผ่นไบโพลา (Bipola Plate) ที่ทำจากแกร์ไฟต์ ประกอบเรียงกันเป็นเซลล์เชื้อเพลิง 1 สแตค (Stack) โดยแผ่นไบโพลา จะทำหน้าที่ส่งไฮโดรเจนเพื่อเข้า ไปแยกที่ MEA ให้เป็นไฟฟ้า ไปยังมอเตอร์และทำหน้าที่รวมกับออกซิเจนทำให้เกิดเป็ นน้ำออกมา

“เมื่อ ไฮโดรเจนผ่านเข้ามาจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นโดยอาศ ัยแผ่นไบโพลาเป็นตัว เร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดอิเล็ก ตรอนอิสระที่เป็นกระแสไฟฟ้าเคลื่อนผ่านตัวนำไฟฟ้าส่ง ไปยังมอเตอร์เพื่อขับ เคลื่อนรถยนต์ และเมื่ออิเล็กตรอนไหลวน ครบวงจรจะกลับมารวมกับไฮโดรเจนประจุบวกและออกซิเจนที ่อยู่ในอากาศเกิดเป็น น้ำออกมา ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่เกิดมลพิษและก่อให้เกิดเสียงด ังของเครื่องยนต์แต่ อย่างใด”

พล.อ.ท.มรกต กล่าวถึงประสิทธิภาพของรถให้ฟังว่า มีการติดตั้งมอเตอร์ให้ขับเคลื่อนเพลาล้อแทนเครื่องย นต์ โดยใช้กระแสไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 8 กิโลวัตต์ ที่ติดตั้งอยู่ ส่วนหน้ารถ ลักษณะตัวรถขึ้นรูปจากโครงเหล็ก และตัวถังหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาส มีที่นั่งเป็นเบาะหนัง

“โดยรถจะใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 4 กิโลวัตต์ จึงมีกระแสไฟฟ้าเหลือพอที่จะนำไปใช้กับระบบทำความเย็ น และเครื่องเสียงภายในรถอีกด้วย และบรรจุไฮโดรเจน 900 ลิตร น้ำหนัก 70 กรัม ใส่ถังไว้ด้านหลังของตัวรถ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 40 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 20-30 นาที จะต้องมีการเติมไฮโดรเจนใหม่อีกครั้ง ซึ่งการขับเคลื่อนของรถไฮโดรเจนจะวิ่งเร็วแค่ไหนขึ้น อยู่กับพลังงานของ มอเตอร์ที่ใส่เข้าไป สำหรับรถไฮโดรเจนคันนี้จะมีอายุการ ใช้งานได้ประมาณ 4 ปี เพราะเยื่อแลกเปลี่ยนโปรตรอนจะเสื่อมต้องเปลี่ยนแผ่น ใหม่ แต่แผ่นไบโพลายังใช้ได้อยู่”

ด้านแหล่งที่มาของไฮโดรเจนนั้น เฉพาะที่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งมีโรงงานทำแก้ว โรงงานเม็ดพลาสติก โรงงานแยกแก๊ส มีการปล่อยไฮโดรเจนรวมกันแล้วชั่วโมงละประมาณ 20 ตัน ทิ้งไปในอากาศ ไม่มีการนำมาใช้หรือถ้ามีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสามารถนำมากักเก็บไว้ใช้กับรถไฮโดรเจนได้อย่างน้ อยกว่าแสนคัน

รถ ยนต์ไฮโดรเจนคันนี้ ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ 6 ของโลก ที่สามารถผลิตออกมาใช้งานได้จริงบนท้องถนน หลังจากที่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น และจีน ผลิตสำเร็จมาแล้ว

“หากมีการนำมาใช้ใน รถยนต์ทั่วไปเพื่อขับเคลื่อนบน ท้องถนน จำเป็นต้องมีการติด ตั้งตัวถังไฮโดรเจนให้บรรจุก๊าซไฮโดรเจนได้มากขึ้นสำ หรับป้อนเซลล์เชื้อ เพลิงเพื่อขับเคลื่อนเป็นพลังงานไฟฟ้าในระยะทาง ที่ไกลขึ้น ยอมรับว่ารถยนต์ไฮโดรเจนคันนี้มีต้นทุนการผลิตรวมแล้ วประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แต่หากในอนาคตภาครัฐมีการสนับสนุนให้เป็นพลังงานทางเ ลือกที่ต้องศึกษาพัฒนา ต่อไป เชื่อว่า ต้นทุนการผลิตจะลดลงได้”

หลังจากที่ผลิตรถยนต์ ไฮโดรเจน ขนาด 4 ที่นั่งได้เป็นผลสำเร็จแล้ว มีการต่อยอด เพิ่มขึ้นโดย นายประสิทธิ์ โพธสุธน ประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการสื่อสารและ โทรคมนาคม วุฒิสภา มีข้อสรุปว่า รถยนต์ไฮโดรเจนยังเป็นเทคโนโลยีใหม่และต้นทุนยังแพงอ ยู่ จึงมีแนวคิดในการสร้างเป็นรถประจำทางหรือรถเมล์สาธาร ณะ ขนาด 20 ที่นั่งขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนน่าจะดีกว่า จึงมีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและ โทรคมนาคม ขึ้น โดยมี ดร. นิลวรรณ เพชระบูรณิน เป็นประธาน และได้งบประมาณ ในการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จำนวน 20 ล้านบาท

“ตอน นี้อยู่ในขั้นตอน การผลิตเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 11 กิโลวัตต์ เพื่อนำมาใช้กับ รถประจำทาง ขนาด 20 ที่นั่ง จำนวน 2 คัน โดยใช้คันละ 3 สแตค มีต้นทุนสแตคละประมาณ 3 ล้านบาท ฉะนั้นต้นทุนของรถอยู่ที่เกือบ 10 ล้านบาท ราคานี้เป็นของเทคโนโลยีใหม่ที่ต้นทุนยังสูงอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มีเทคโน โลยีมารองรับมากกว่านี้ราคาแผงเซลล์เชื้อเพลิงอาจลดล งอยู่ที่ราคาประมาณ ล้านกว่าบาทต่อคัน ด้านตัวรถต้นทุนอยู่ที่ 1 ล้านบาท จึงถือว่ารถเมล์ 1 คัน ตกอยู่ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เมื่อติดตั้งไฮโดรเจนด้านบนของตัวรถจะอยู่ที่ราคา 5 ล้านบาท ซึ่งราคารถเมล์ที่ใช้กันอยู่นี้ก็ อยู่ที่ราคาประมาณนี้ แต่ก่อมลพิษและเสียงดัง ถ้าน้ำมันขึ้นก็เก็บค่าโดยสารเพิ่มอีก แต่รถเมล์ไฮโดรเจนไม่ส่งผลกระทบ ดังกล่าว”

รถเมล์ไฮโดรเจนจะแตก ต่างจากรถเมล์ทั่วไปคือ มี 6 ล้อ ด้านละ 3 ล้อ มี 2 เพลา เพลาละ 8 กิโลวัตต์ รวมเป็น 16 กิโลวัตต์ เพื่อให้ขับได้แรงขึ้น เร็วขึ้น และมีสมรรถนะสูงขึ้น วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม.ต่อชั่วโมง ที่เลือกรถขนาด 20 ที่นั่ง เพราะต้องการให้เกิดการคล่องตัวในการใช้งาน หากโครงการผ่านการพิจารณางบประมาณ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน ในการปรับปรุงให้สมบูรณ์ออกใช้งานได้จริง เพราะตัวรถเมล์ไม่ได้มีส่วนประกอบที่ซับซ้อนแต่อย่าง ใด

ส่วนด้าน สถานีเติมไฮโดรเจนและเรื่องกฎหมายรองรับการผลิต รวมทั้งการนำมาใช้งานจริงบนท้องถนน คงเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลต้องพิจารณาเป็นขั้นตอนต่อไ ป

JZ_P_MAYIM 16-07-2009 12:23

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ BirdyReds (361349 กระทู้)
ขออนุญาตตอบแทนพี่เคนะครับ

อันนี้เป็นข้อมูลที่ผมไปอ่านเจอมา เลยเอามาแบ่งปันครับ :)

หัวใจในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฮโดรเจนอยู่ที่ เซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นเยื่อบาง ๆ ใส ๆ เหมือนแผ่นกันแสงคล้ายฟิล์มในรถยนต์ เรียกว่า MEA ที่ย่อมาจาก Membrane Electrode Assem bly เรียกเป็นภาษาไทยว่า เยื่อแลกเปลี่ยนโปรตรอน โดยทั้ง 2 ด้านของ MEA จะประกอบด้วยแผ่นไบโพลา (Bipola Plate) ที่ทำจากแกร์ไฟต์ ประกอบเรียงกันเป็นเซลล์เชื้อเพลิง 1 สแตค (Stack) โดยแผ่นไบโพลา จะทำหน้าที่ส่งไฮโดรเจนเพื่อเข้า ไปแยกที่ MEA ให้เป็นไฟฟ้า ไปยังมอเตอร์และทำหน้าที่รวมกับออกซิเจนทำให้เกิดเป็ นน้ำออกมา

“เมื่อ ไฮโดรเจนผ่านเข้ามาจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นโดยอาศ ัยแผ่นไบโพลาเป็นตัว เร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดอิเล็ก ตรอนอิสระที่เป็นกระแสไฟฟ้าเคลื่อนผ่านตัวนำไฟฟ้าส่ง ไปยังมอเตอร์เพื่อขับ เคลื่อนรถยนต์ และเมื่ออิเล็กตรอนไหลวน ครบวงจรจะกลับมารวมกับไฮโดรเจนประจุบวกและออกซิเจนที ่อยู่ในอากาศเกิดเป็น น้ำออกมา ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่เกิดมลพิษและก่อให้เกิดเสียงด ังของเครื่องยนต์แต่ อย่างใด”

พล.อ.ท.มรกต กล่าวถึงประสิทธิภาพของรถให้ฟังว่า มีการติดตั้งมอเตอร์ให้ขับเคลื่อนเพลาล้อแทนเครื่องย นต์ โดยใช้กระแสไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 8 กิโลวัตต์ ที่ติดตั้งอยู่ ส่วนหน้ารถ ลักษณะตัวรถขึ้นรูปจากโครงเหล็ก และตัวถังหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาส มีที่นั่งเป็นเบาะหนัง

“โดยรถจะใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 4 กิโลวัตต์ จึงมีกระแสไฟฟ้าเหลือพอที่จะนำไปใช้กับระบบทำความเย็ น และเครื่องเสียงภายในรถอีกด้วย และบรรจุไฮโดรเจน 900 ลิตร น้ำหนัก 70 กรัม ใส่ถังไว้ด้านหลังของตัวรถ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 40 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 20-30 นาที จะต้องมีการเติมไฮโดรเจนใหม่อีกครั้ง ซึ่งการขับเคลื่อนของรถไฮโดรเจนจะวิ่งเร็วแค่ไหนขึ้น อยู่กับพลังงานของ มอเตอร์ที่ใส่เข้าไป สำหรับรถไฮโดรเจนคันนี้จะมีอายุการ ใช้งานได้ประมาณ 4 ปี เพราะเยื่อแลกเปลี่ยนโปรตรอนจะเสื่อมต้องเปลี่ยนแผ่น ใหม่ แต่แผ่นไบโพลายังใช้ได้อยู่”

ด้านแหล่งที่มาของไฮโดรเจนนั้น เฉพาะที่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งมีโรงงานทำแก้ว โรงงานเม็ดพลาสติก โรงงานแยกแก๊ส มีการปล่อยไฮโดรเจนรวมกันแล้วชั่วโมงละประมาณ 20 ตัน ทิ้งไปในอากาศ ไม่มีการนำมาใช้หรือถ้ามีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสามารถนำมากักเก็บไว้ใช้กับรถไฮโดรเจนได้อย่างน้ อยกว่าแสนคัน

รถ ยนต์ไฮโดรเจนคันนี้ ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ 6 ของโลก ที่สามารถผลิตออกมาใช้งานได้จริงบนท้องถนน หลังจากที่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น และจีน ผลิตสำเร็จมาแล้ว

“หากมีการนำมาใช้ใน รถยนต์ทั่วไปเพื่อขับเคลื่อนบน ท้องถนน จำเป็นต้องมีการติด ตั้งตัวถังไฮโดรเจนให้บรรจุก๊าซไฮโดรเจนได้มากขึ้นสำ หรับป้อนเซลล์เชื้อ เพลิงเพื่อขับเคลื่อนเป็นพลังงานไฟฟ้าในระยะทาง ที่ไกลขึ้น ยอมรับว่ารถยนต์ไฮโดรเจนคันนี้มีต้นทุนการผลิตรวมแล้ วประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แต่หากในอนาคตภาครัฐมีการสนับสนุนให้เป็นพลังงานทางเ ลือกที่ต้องศึกษาพัฒนา ต่อไป เชื่อว่า ต้นทุนการผลิตจะลดลงได้”

หลังจากที่ผลิตรถยนต์ ไฮโดรเจน ขนาด 4 ที่นั่งได้เป็นผลสำเร็จแล้ว มีการต่อยอด เพิ่มขึ้นโดย นายประสิทธิ์ โพธสุธน ประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการสื่อสารและ โทรคมนาคม วุฒิสภา มีข้อสรุปว่า รถยนต์ไฮโดรเจนยังเป็นเทคโนโลยีใหม่และต้นทุนยังแพงอ ยู่ จึงมีแนวคิดในการสร้างเป็นรถประจำทางหรือรถเมล์สาธาร ณะ ขนาด 20 ที่นั่งขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนน่าจะดีกว่า จึงมีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและ โทรคมนาคม ขึ้น โดยมี ดร. นิลวรรณ เพชระบูรณิน เป็นประธาน และได้งบประมาณ ในการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จำนวน 20 ล้านบาท

“ตอน นี้อยู่ในขั้นตอน การผลิตเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 11 กิโลวัตต์ เพื่อนำมาใช้กับ รถประจำทาง ขนาด 20 ที่นั่ง จำนวน 2 คัน โดยใช้คันละ 3 สแตค มีต้นทุนสแตคละประมาณ 3 ล้านบาท ฉะนั้นต้นทุนของรถอยู่ที่เกือบ 10 ล้านบาท ราคานี้เป็นของเทคโนโลยีใหม่ที่ต้นทุนยังสูงอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มีเทคโน โลยีมารองรับมากกว่านี้ราคาแผงเซลล์เชื้อเพลิงอาจลดล งอยู่ที่ราคาประมาณ ล้านกว่าบาทต่อคัน ด้านตัวรถต้นทุนอยู่ที่ 1 ล้านบาท จึงถือว่ารถเมล์ 1 คัน ตกอยู่ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เมื่อติดตั้งไฮโดรเจนด้านบนของตัวรถจะอยู่ที่ราคา 5 ล้านบาท ซึ่งราคารถเมล์ที่ใช้กันอยู่นี้ก็ อยู่ที่ราคาประมาณนี้ แต่ก่อมลพิษและเสียงดัง ถ้าน้ำมันขึ้นก็เก็บค่าโดยสารเพิ่มอีก แต่รถเมล์ไฮโดรเจนไม่ส่งผลกระทบ ดังกล่าว”

รถเมล์ไฮโดรเจนจะแตก ต่างจากรถเมล์ทั่วไปคือ มี 6 ล้อ ด้านละ 3 ล้อ มี 2 เพลา เพลาละ 8 กิโลวัตต์ รวมเป็น 16 กิโลวัตต์ เพื่อให้ขับได้แรงขึ้น เร็วขึ้น และมีสมรรถนะสูงขึ้น วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม.ต่อชั่วโมง ที่เลือกรถขนาด 20 ที่นั่ง เพราะต้องการให้เกิดการคล่องตัวในการใช้งาน หากโครงการผ่านการพิจารณางบประมาณ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน ในการปรับปรุงให้สมบูรณ์ออกใช้งานได้จริง เพราะตัวรถเมล์ไม่ได้มีส่วนประกอบที่ซับซ้อนแต่อย่าง ใด

ส่วนด้าน สถานีเติมไฮโดรเจนและเรื่องกฎหมายรองรับการผลิต รวมทั้งการนำมาใช้งานจริงบนท้องถนน คงเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลต้องพิจารณาเป็นขั้นตอนต่อไ ป

น่าสนใจครับ

roj_1J 16-07-2009 15:48

ที่ผมไปเจอมาไม่มีถัง มีแต่ถังน้ำกับกล่องที่มันแยกก๊าสมันใช้ไฟ12 v 20 a กับตัวดักไอน้ำ และสายยางเข้าไปที่ท่อไอดีเลยอะครับ:emo_toon05: ว่าง ๆ จะถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ...

เค_คลองสาม 17-07-2009 07:55

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ roj_1J (361578 กระทู้)
ที่ผมไปเจอมาไม่มีถัง มีแต่ถังน้ำกับกล่องที่มันแยกก๊าสมันใช้ไฟ12 v 20 a กับตัวดักไอน้ำ และสายยางเข้าไปที่ท่อไอดีเลยอะครับ:emo_toon05: ว่าง ๆ จะถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ...

เคยเอามาใช้กับเครื่องดีเซลแล้วครับ ผมว่ามันประหยัดได้แค่ประมาณ 20% ครับ หรือมากน้อยมันอาจจะต้องมีการปรับแต่งตัวปั้มดีเซลด้ วย ให้มันกินน้ำมันน้อยลงแล้วมันอาจจะช่วยให้ประหยัดมาก ขึ้น แต่สุดท้าย ถ้ามันดีจริง มันคงมีเยอะ และเป็นที่แพร่หลายไปแล้วครับ (ความคิดเห็นน่ะครับ) ยิ่งคนไทย อันไหนประหยัดคงใช้กันน่าดูครับ ลองมองง่าย ๆ ครับ ว่าน้ำมันขึ้นราคา ทำมั้ยมีแต่ร้านติดตั้งแก๊สเพิ่ม หรือเปิดมากตามไปด้วย พอน้ำมันลง ร้านพวกนั้นก็ปิดตัวตามไปด้วย แล้วทำมั้ยไม่มีร้านติดตั้งไฮโดรเจนบ้างอ่ะครับ :emo_toon08:

roj_1J 17-07-2009 08:46

ศึกษามาแล้วครับ บางยี่ห้อเป็นธุรกิจขายตรง:redface:

witiwat 17-07-2009 11:42

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ เค_คลองสาม (361939 กระทู้)
เคยเอามาใช้กับเครื่องดีเซลแล้วครับ ผมว่ามันประหยัดได้แค่ประมาณ 20% ครับ หรือมากน้อยมันอาจจะต้องมีการปรับแต่งตัวปั้มดีเซลด้ วย ให้มันกินน้ำมันน้อยลงแล้วมันอาจจะช่วยให้ประหยัดมาก ขึ้น แต่สุดท้าย ถ้ามันดีจริง มันคงมีเยอะ และเป็นที่แพร่หลายไปแล้วครับ (ความคิดเห็นน่ะครับ) ยิ่งคนไทย อันไหนประหยัดคงใช้กันน่าดูครับ ลองมองง่าย ๆ ครับ ว่าน้ำมันขึ้นราคา ทำมั้ยมีแต่ร้านติดตั้งแก๊สเพิ่ม หรือเปิดมากตามไปด้วย พอน้ำมันลง ร้านพวกนั้นก็ปิดตัวตามไปด้วย แล้วทำมั้ยไม่มีร้านติดตั้งไฮโดรเจนบ้างอ่ะครับ :emo_toon08:


ตามพี่เคว่านั้นแหละครับ ถ้าได้ผลจริงและประหยัดจริง คงมีร้านติดเต็มบ้านเต็มเมือง
คราวนี้ ปตท ต้องมีปั้มน้ำมันและปั้มน้ำให้ลูกค้าเติมด้วย
เอ๊ะ หรือ หรือ ปตท ไม่ยอมให้เกิด:redface:

cpservice 17-07-2009 19:16

ตามพี่ๆด้านบนบอกแหละ
ผมแหละคนนึง ที่ไม่เชื่อว่าจะประหยัดได้จริงซักเท่าไหร่ (น้อยมาก)
ช่วงนี้ยังเป็นการโอ้อวดเกินความเป็นจริงอยู่

volvoman 17-07-2009 22:33

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ เค_คลองสาม (361939 กระทู้)
เคยเอามาใช้กับเครื่องดีเซลแล้วครับ ผมว่ามันประหยัดได้แค่ประมาณ 20% ครับ หรือมากน้อยมันอาจจะต้องมีการปรับแต่งตัวปั้มดีเซลด้ วย ให้มันกินน้ำมันน้อยลงแล้วมันอาจจะช่วยให้ประหยัดมาก ขึ้น แต่สุดท้าย ถ้ามันดีจริง มันคงมีเยอะ และเป็นที่แพร่หลายไปแล้วครับ (ความคิดเห็นน่ะครับ) ยิ่งคนไทย อันไหนประหยัดคงใช้กันน่าดูครับ ลองมองง่าย ๆ ครับ ว่าน้ำมันขึ้นราคา ทำมั้ยมีแต่ร้านติดตั้งแก๊สเพิ่ม หรือเปิดมากตามไปด้วย พอน้ำมันลง ร้านพวกนั้นก็ปิดตัวตามไปด้วย แล้วทำมั้ยไม่มีร้านติดตั้งไฮโดรเจนบ้างอ่ะครับ :emo_toon08:

คุณเคคนนี่แหละเคยลองใช้จริงกับรถที่ร้าน...รู้เพราะ วันเอารถไปทำ gas เห็นพอดีสักปีกว่าที่ผ่านมา ส่วนผลก็คือสิ่งที่แกตอบอะครับ ถ้าดีสุดๆแกเอามาขายแล้ววววว:emo_toon08:

เค_คลองสาม 18-07-2009 07:00

อ้างถึง:

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ volvoman (362451 กระทู้)
คุณเคคนนี่แหละเคยลองใช้จริงกับรถที่ร้าน...รู้เพราะ วันเอารถไปทำ gas เห็นพอดีสักปีกว่าที่ผ่านมา ส่วนผลก็คือสิ่งที่แกตอบอะครับ ถ้าดีสุดๆแกเอามาขายแล้ววววว:emo_toon08:

ถูกต้องแล้วครับ:emo_toon24:


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:36

Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels