สงสัยเรื่องปัญหาความร้อนคับ
 

ตอนนี้รถผม ( 1J bo + LPG) เซนเซอร์เกจ์วัดความร้อน ผมเป็นแบบหางปลายึดกับน็อตวาล์วน้ำ ไม่ได้แช่น้ำคับ พัดลมไฟฟ้าสองเสตป ตัวเดียว หม้อน้ำมิเนียมคับ ขอถามปัญหาตามนี้นะคับ
1.อุณหภูมิปกติอยู่ที่ 90-93 คับ ถ้ารถติดๆจะขึ้นมาแถวๆ 95-98 เลย เคยซัดแล้วมาเจอรถติดแช่ๆนี่ ทะลุ 100 เลยคับ แต่ครั้งเดียว ตอนนั้นพอจอดรถลงมาดูตอนเครื่องดับ ได้ยินเสียงเหมือนน้ำเดือดในหม้อน้ำเลย อาการแบบนี้มันยังปกติป่าวคับ
2. ทำไมความร้อนมันใกล้ 100 มากเลยคับ ( จุดเดือด ) ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆมันจะเป็นไรป่าวอะคับ เห็นคนอื่นๆไม่ค่อยมีใครร้อนแบบผมเลยอะ พอดีไอ้เจ้าเกจ์วัดความร้อนผมมันมีเสียงเตือนได้ ผมเลยต้องตั้งค่าให้เกิน 100 เป็น 105 ตามคำแนะนำของคนติดตั้ง...เกจ์เดิมติดรถมันขึ้นแค่ตร งกลางเกินมาจิ๊ดเดียว มันจะอยู่แค่นี้อะคับ
3. ด้วยความที่ผมไม่รู้เดิมหม้อน้ำผมเป็นแบบปิด พอเปลี่ยนมาแบบเปิด ผมดันไปอุดท่อหายใจที่ถังพักน้ำ (เพราะเห็นว่าน้ำมันดันออกที่ตรงนี้และช่วงนั้นน้ำใน หม้อพักมันหายไป) การทำแบบนี้มันมีผลต่อความร้อนรึป่าวคับ
4. ตอนนี้ฝาหม้อน้ำ(เพิ่งใช้ไปไม่นาน)มัน 0.9 บาร์ ถ้าผมไปใช้ของฮอนด้า 1.1 บาร์มันจะได้ป่าวคับ เห็นมีคนว่าถ้าฝามันเก็บแรงดันไม่พอก้ออาจดันไปออกหม ้อพักน้ำอะคับ
5. พัดลมไฟฟ้าผมสเตปสองทำงานที่แถวๆ 92 องศาคับพอลองเอาน้ำฉีดลดความร้อนจนตกลงมา ก็กลายมาสเตปหนึ่ง แต่พอเร่งอีกทีขึ้นไป 94ไม่รู้ไมมันไม่ยอมเปลี่ยนเป็นสเตป2 อะคับ งง
6. พัดลมแอร์มันมีส่วนช่วยได้ป่าวคับ ถ้าได้ตัวแรงกว่าเดิมมาช่วย (มีคนทักว่าตัวเล็กไปนิด) แต่ก้อใช้มาตั้งหลายปีแล้วอะคับ

ขอบคุณพี่ๆมากนะคับ

เซนเซอร์ของอะไรคับ? ทำไมไปต่อตรงจุดนั้นล่ะคับ หรือว่ารุ่นใหม่ล่าสุด มันต้องเป็นตัวเซนเซอร์ไปต่อจากท่อยางที่ออกจากเครื่ องก่อนเข้าหม้อน้ำนะคับ

เรื่องฝาหม้อน้ำเบอร์ 0.9 ใช้ได้แล้วนะครับ มีอะไรก็ให้มันระบายออกทางนี้แหละความเสียหายน้อยที่ สุดแล้ว ปัญหาเกิดจากความดันในระบบสูงเกิน มันจึงดันผ่านออกมาได้ เราก็ต้องเช็คระบบระบาย หรืออาจแค่ยางหรือสปริงตัวฝาปิดมันเสื่อมแล้วก็ ได้

ส่วนเรื่องพัดลมแอร์ ถ้าระบบแอร์เย็นดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปยุ่งมันเล ยครับ เพราะถ้าระบบระบายของหม้อน้ำ+พัดลมดีพอ ไม่ว่าจะขับรถปิด หรือเปิดแอร์ความร้อนเครื่องก็เท่ากันครับ

ขอบคุณมากคับพี่ Bmกินj ไอ้เจ้าเกจ์ตัวนี้มันเป็นแบบดิจิตอลบ้านเราอะคับ ใช้หางปลาเป็นตัววัดอุณหภูมิแบบนี้อะคับ...ตอนแรกก้อ คิดจะใส่เกจ์วัดแบบที่ใช้เซนเซอร์ฝังที่ท่อน้ำบนอะคั บแต่บังเอิญด้วยความเสียดายที่ผมเพิ่งไปทำท่อมิเนียม มาเลยใส่แบบนี้ไปแทนอะคับ สงสัยตัวเลขที่ได้มันจะไม่ตรงซะแระ 555 ....ถามอีกนิดคับไอ้ท่อยางออกจากเครื่องก่อนเข้าหม้อ น้ำกะยางหม้อน้ำท่อนบนนี่มันตัวเดียวกันป่าวอะคับ

น้ำยังหายอยู่เลยคับ เศร้าจิง หลังจากเอาไอ้ตัวที่อุดท่อหายใจออก น้ำหายหนักกว่าเดิมอีก ( เติมเกือบๆครึ่งลิตรแน่ะ) วาล์วน้ำก้อเพิ่งเปลี่ยน น้ำในหม้อน้ำก้อยังไม่เดือด เปิดฝาดูเร่งเครื่องก้อไม่มีฟองน้ำ ฝาหม้อน้ำก้อซื้อมาเปลี่ยนใหม่แล้วอะคับ...ไม่กล้าขั บไปใหนไกลๆเลยอะ

ถ้าขันหางปลาแบบนั้นอุณภูมิคงสูงกว่าที่เกจย์วัดออกม าได้แน่นอนครับ ส่วนพัดลมแนะนำเป็นสองตัวจะดีกว่าคับซัดนักๆหรือติดไ ฟแดงไม่มีปัญหาความร้อนขึ้นแน่นนอนคับ ส่วนอุณหภูมิเครื่องยนต์บางทีถ้าความร้อนไม่ถึงเครื่ องก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพคับ ส่วนเรื่องที่น้ำหายไปต้องดูที่ฝาสูบอีกทีคับ วิธีการง่ายๆก็คือปาดขวดน้ำดื่มประมาณครึ่งขวด เอาปากขวดจุ่มลงไปในปากหม้อน้ำ แล้วน้ำสก๊อตเทปติดปากขวดกับปากหม้อน้ำให้แน่นเต็มน้ ำให้เต็ม คราวนี้มาดูผลกันคับ

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า น้ำเป็นปัจจัยในการทำงานของเครื่องยนต์ในรถ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลยครับ

น้ำเป็นตัวระบายความร้อนของเครื่องยนต์ครับ ถ้าขาดตัวระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องทำงานหนัก เกิดความร้อนจัด และขาดตัวระบายความร้อน เครื่องก็พังได้ครับ

ผมขอยกตัวอย่าง โดยเปรียบเทียบกับร่างกายมนุษย์ นะครับ

เมื่อเวลาเราเกิดท้องเสีย หรือท้องร่วง สิ่งที่เราจะสูญเสียอย่างรวดเร็วก็คือน้ำและเกลือแร่ ในร่างกาย เกลือแร่คือส่วนที่เสริมสรางพลังงานให้กับร่สงกาย ส่วนน้ำคือสื่อนำพาและตัวระบายความร้อน เมื่อก่อน คนจะกลัวโรคท้องร่วงมาก เพราะเป็นเหตุให้เกิดอาการช๊อคตายได้ เพราะท้องร่วงมากและไม่เข้าใจสาเหตุ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้วครับ เมื่อวิทยาการต่างๆไปได้ทั่วถึง ทำให้ทราบว่า การเกิดท้องร่วงนั้น เป็นเพราะร่างกายพยายามผลักดันเชื้อโรคในร่างกายให้อ อกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ แต่ถ้าระหว่างที่เราท้องร่วง เราเติมน้ำและเกลือแร่เข้าไปในร่างกายให้เกิดความสมด ุลย์ จะออกก็ออกไป แต่เราจะใส่เข้าในปริมาณใกล้เคียงกับที่ออก เราก็จะไม่รู้สึกเพลีย หรือช๊อคได้ครับ ทำให้โรคนี้กลายเป็นโรคธรรมดาที่ไม่ใช่โรคร้ายแรงไปแ ล้วครับ

จากกรณีดังกล่าวก็เช่นกันครับ ที่คุณ muddyfire บอกว่าไม่กล้าขับรถไปไหนไกลๆ เพราะว่าน้ำในหม้อน้ำลดนั้น สิ่งแรกที่อยากให้ทำคือ หาจุดรั่วของน้ำให้ได้ครับ โดยการเติมน้ำยารักษาหม้อน้ำซึ่งเป็นสีสดใส (ส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว) ให้สังเกตุจุดรั่วครับ ตรงไหนรั่วตรงนั้นจะมีสีเลอะครับ แล้วแก้ไขที่สาเหตุครับ
แต่มิได้หมายความว่า เมื่อเรายังหาสาเหตุไม่พบ เราก็ไม่กล้าที่จะไปไหนไกลๆครับ ผมแนะนำว่า ให้พกน้ำไว้ในรถครับ ขับไประยะหนึ่งให้จอดข้างทางหรือแวะปั๊ม เติมน้ำลงให้หม้อพักน้ำให้เต็ม (ไม่ใช่หม้อน้ำนะครับ แต่จะเติมที่หม้อน้ำก็ได้ แต่ต้องระวังครับ วิธีเติมในหม้อน้ำคือ ให้หาผ้าหนาๆ มาโปะที่ฝาหม้อน้ำ ค่อยๆคลายฝาอย่างช้าๆทีละนิดๆ ปล่อยให้แรงดันค่อยๆออกมาจนหมด ค่อยเปิดฝาออกมา เติมน้ำเข้าไปครับ) ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คุณก็สามารถวิ่งได้ทั่วไทยเลยครับ

ผมรู้จักคนขับรถบรรทุกคนหนึ่งครับ เมื่อปีที่แล้ว เครื่องยนต์เขามีอาการน้ำในหม้อน้ำชอบหายแบบนี้แหละค รับ เห็นเขาคอยเติมน้ำ ปีนี้ผมเจอเขา เติมน้ำอยู่อีก ก็ถามเขาว่า ทำไมไม่หาสาเหตุที่รั่วแล้วแก้ไขซะล่ะ เขาบอกว่า งานเยอะไม่มีเวลาแก้ไขเลยครับ นี่แหละครับ น้ำรั่วก็คอยเติมน้ำเข้าไป วิ่งเป็นปี เครื่องก็ไม่พังครับ ขอให้มีสติและคอยเติมน้ำเท่านั้นครับ

นี่แหละครับใช่เลย แต่ไม่ควรเกิน100องศานะคับ

ตอบด้วย
 

:)เคยฮีตตอนวางมาใหม่ๆ นึกว่าเกจ์เพี้ยนเลยไปติดมิเตอร์แยก ขึ้นไปร้อยเลยคับ(องศา)ใช้หม้อน้ำเดิม 318 e36 พัดลมไฟฟ้า 12นิ้ว ตัวเดียวเอาไม่อยู่ครับ น้ำ:cool: หายวันละครึ่งลิตร มันดันออกครับเติมน้ำยาหล่อเย็นแบบมีสีสันถึงเห็นครั บ ตอนนี้เปลี่ยนหม้อน้ำเป็นของtoyota เซลิก้า มิเนียม พัดลมสองตัว สบายเชียวครับแดดเปรี้ยงรถติดไม่ติดอยู่ที 80-95ไม่เคยเกินอีกเลยครับ ถ้าระบบไม่สะดุดหมุนเวียนดีพัดลมพอ ก็ไม่น่ามีอะไรนะครับ

ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเยอะเลย วันนี้วิ่งเกือบทั้งวันอากาศร้อนมาก+รถติด ตอนเช้าเติมน้ำก่อนออกจากบ้านประมาณเกือบครึ่งล ิตร พอขับใช้งานปกติซักพักจนเครื่องเริ่มร้อน จอดรถแล้วลงมาเช็คดูเห็นสาเหตุแล้วคับ ปริมาณน้ำในถังพักมันเอ่อขึ้นจนถึงรูหายใจของมันแล้ว ล้นออกมาคับ ทีละนิดๆ พอเครื่องเย็นเช็คดูอีกที น้ำก้อพร่องไปและเติมอีกประมาณครึ่งลิตรเหมือนเ ดิม .. ตอนนี้ผมคาดว่าพัดลมคงจะไม่พอคับ เพราะสังเกตุดูจากเกจ์ความร้อน (เกจ์ที่ผมไปติดเพิ่ม) พอพัดลมทำงานสเตป2 มันก้อไม่ลดลงมาเลย หรือลงน้อยมากคับ น้ำจะดันจนเต็มที่ถังพักเกือบตลอดเลย ... เด๋วพุ่งนี้ไปให้ช่างเค้าเช็คพัดลมให้อีกที ขออย่าให้เป็นที่ฝาสูปเลย..ท่าจายาววว