|  | 
| 
 อ้างถึง: 
 ต้องดูกันยาว ๆ ครับ:) ที่ผมตัดสินใจทำที่เงากลการก็เพราะเรื่องชื่อเสียงคุ ณภาพและเคยเห็นคุณpong เคยแนะนำไว้ด้วย ตอนเอาฝาทำก็เห็นที่ร้านรับงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์เ ครื่องจักรอยู่เยอะมากเหมือนกัน ดูแล้วก็น่าจะโอเค ตอนนี้เวลาขับก็ยังไม่ค่อยกล้าบูสหนัก ๆ มากนัก แต่ใช้วิธีค่อย ๆ เพิ่มบูสทีละนิดทดลองดู จนมั่นใจก็จะค่อย ๆ ปรับมาขับแบบปกติครับ | 
| 
 เพลากลางผมทำใหม่ยกเส้นที่เงาเหมือนกัน รอทั้งวันแต่จบครับหมดไป6000กว่า วิ่งนิ่งเลยครับ ไปร้านชื่อดังคงโดนเป็นหมื่น | 
| 
 อ้างถึง: 
 | 
| 
 อ้างถึง: 
 | 
| 
 อ้างถึง: 
 เลยไม่รู้ว่าจะเล่าอย่างไรดี ไปญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน หาข้อมูลการเดินทาง จองที่พัก และตั๋วเครื่องบินไปเอง สุดท้าย พม่าซื้อทัวร์ไป เพราะประเทศพม่ายังไม่ค่อยเจริญนัก การคมนาคมยังไม่ค่อยสะดวกเลยเลือกที่จะซื้อทัวร์ไป ว่าจะซ้ำพม่าอีกสักรอบเพราะยังไม่ได้ไปพุกาม มัณฑเลย์ และเมืองที่อยู่ทางเหนือ ถ้าประเทศเขาเปิดเส้นทางคมนาคมที่สะดวกกว่าปัจจุบันค งได้มีโอกาสขับรถไปแน่ครับ:) | 
| 
 อ้างถึง: 
 | 
| 
 อ้างถึง: 
 ตอนไปญี่ปุ่นผมไป 10 วัน เดินทางโดยขนส่งมวลชนของเขาเกือบทุกอย่าง ที่ไม่ได้ใช้คือแท็กซี่ และเรือ นอกนั้นลองใช้หมด อยู่ในโตเกียว 3 วัน ไปฟูจิ 1 วันเสียดายวันที่ไปฟูจิอากาศปิด ฝนตก ลูกเห็บตก เลยไม่ได้เห็นยอดเขาเลย วันรุ่งขึ้นนั่งรถไฟชินกังเซน จากโตเกียวไปอาโอโมริและนั่งรถไฟลอดใต้ทะเลไปเกาะฮอค ไกโด อยู่ที่เกาะฮอคไกโด 4 วัน โดยอยู่ที่ฮาโกดาเตะ 1 วัน โอตารุ 1 วัน และที่ซัปโปโร 2 วัน ได้ไปดูเทศกาลแกะสลักน้ำแข็ง ของไทยเราก็ส่งไปแข่งแต่ปีนี้รู้สึกว่าจะได้ที่สี่ถ้ าจำไม่ผิด เป็นรูปมโนราห์ หลังจากนั้นนั่งเครื่องภายในประเทศเขากลับมาเที่ยวโอ ซาก้าอีก 2 วัน แล้วจึงเดินทางกลับไทยเป็นครั้งแรกของผมที่เดินทางใน ลักษณะนี้ เหนื่อยแต่ก็คุ้มค่ามาก พอเริ่มมีครั้งแรก ครั้งต่อไปมันก็ค่อย ๆ ตามมา นี่ก็คิด ๆ ว่าอยากจะลองไปทางยุโรปดู แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสไปเมื่อไรครับ:) | 
| 
 อ้างถึง: 
 | 
| 
 1 ไฟล์แนบ อ้างถึง: 
 | 
| 
 | 
| 
 | 
| 
 | 
| 
 ลำดับเรื่องราวก่อนแล้วกันนะครับ  เพราะภาพที่ลงมันข้ามไปข้ามมา  การเดินทาง 90% จะเป็นการเดินทางโดยรถไฟ - จากโตเกียว => อาโอโมริ(เมืองทางตอนเหนือ) ระยะทางประมาณ 700 กว่ากิโล นั่งรถไฟชินกังเซน(รถไฟความเร็วสูง)ใช้เวลาเดินทางปร ะมาณ 3 ชั่วโมง - อาโอโมริ => ฮาโกดาเตะ ต้องเปลี่ยนรถไฟเป็นแบบปกติ เพื่อนั่งลอดใต้ทะเลไปยังเกาะฮอคไกโด เมืองแรกที่ไปพักคือ ฮาโกดาเตะ - ฮาโกดาเตะ => ซัปโปโร รถไฟ ซึ่งซัปโปโรจะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะเดินทางไปต่อยังจ ุดอื่น ๆ - ซับโปโร => โจซานไก ออนเซน(บ่อน้ำพุร้อน) รถโดยสารประจำทาง - ซับโปโร => โอตารุ รถไฟ - โอตารุ => ซัปโปโร รถไฟ - ซัปโปโร => สนามบิน รถไฟ หลังจากออกจากโตเกียวเมืองแรกที่ไฟพักคือ ฮาโกดาเตะ ผมพักที่นี่ 1 คืน เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง เป็นเมืองเล็ก ๆ บนเกาะฮอคไกโด มีจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ นั่งโรปเวย์(กระเช้า) ขึ้นไปชมวิวบนยอดเขา ซึ่งจะเห็นเป็นทิวทัศน์ของเมืองฮาโกดาเตะและอ่าวสองอ ่าวหันหลังชนกัน แต่วันที่ผมไปนั้นหิมะกำลังตกหนักเลย สภาพท้องฟ้าไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก เมืองนี้ผมเที่ยวโดยการเดินและนั่งรถราง(tram) เมื่อถึงซัปโปโรผมเดินทางต่อไปยัง โจซานไก ออนเซน(บ่อน้ำพุร้อนอยู่ไม่ห่างจากซัปโปโร) โดยนั่งรถโดยสารประจำทางไป โดยแจ้งกับคนขับรถเมล์ ให้เขาช่วยแจ้งด้วยเมื่อถึงจุดที่ต้องลง ในระหว่างที่อยู่บนรถคนญี่ปุ่นเห็นว่าเราเป็นชาวต่าง ชาติก็มาสอบถามและเขาพอพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษได้บ้ างก็ได้รับคำแนะนำอย่างดี โดยผมพักที่โรงแรมในโจซานไก 1 คืน ภายในโรงแรมมีบ่อน้ำพุไว้บริการเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นทางโรงแรมจัดรถมาส่งให้ที่สถานีซัปโปโร และจะนั่งรถไฟต่อไปยัง โอตารุ ช่วงที่รอรถไฟออก ก็เดินไปเที่ยวบริเวณพื้นที่แข่งขัน แกะสลักน้ำแข็ง ไม่ไกลจากสถานี แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงนักเพราะต้องไปโอตารุต่อ หลังจากนั้นก็เดินทางจากซัปโปโรมาโอตารุ พักที่โอตารุ 1 คืน เที่ยวโดยการเดินทั้งหมด เพราะโอตารุเป็นเมืองเล็ก ๆ ใช้เวลาไม่นานก็เดินได้รอบเมืองแล้ว ดังภาพที่ลงไป จากโอตารุก็นั่งรถไฟกลับมาซัปโปโร พักที่ซัปโปโรอีก 1 คืน เที่ยวรอบเมืองโดยรถโดยสารประจำทาง รถราง รถไฟใต้ดิน และ เดิน วันรุ่งขึ้นเดินทางออกจากซัปโปโรไปสนามบินโดยรถไฟ เพื่อนั่งเครื่องบินภายในประเทศไปยังโอซาก้าต่อ ลำดับเหตุการณ์ไว้ตามนี้ก่อนเดี๋ยวรูปไว้ทยอยลงให้คร ับ | 
| 
 | 
| 
 บรรยากาศของเมืองฮาโกดาเตะครับ มี starbuck ด้วย ตอนขากลับแวะพักหลบหิมะอยู่ร่วมชั่วโมง บรรยากาศเริ่มขมุกขมัว หิมะเริ่มตกลงมาเรื่อย ๆ วิวบนยอดเขา ด้านบนมีร้านอาหารอยู่ด้วย ผมแวะกินอาหารที่นี่เพื่อรอให้อากาศเปิด แต่สุดท้ายยิ่งดึกหิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เลยได้รูปมาเท่านี้ ตอนขาไปสังเกตุว่าพื้นถนนยังมีเปียกแฉะเพราะหิมะละลา ยอยู่บ้าง แต่เมื่อหิมะตกมาได้พักเดียวก็ขาวโพรนไปหมด พื้นที่มีน้ำแฉะก็กลายเป็นน้ำแข็ง ตรงไหนที่ไม่มีหิมะปกคลุมเดินลื่นอีกต่างหากครับ | 
| 
 | 
| 
 | 
| 
 จากซัปโปโรนั่งรถโดยสารประจำทางมายังโจซานไก ออนเซน(บ่อน้ำพุร้อน)  ที่นี่ไม่ได้เที่ยวอะไรมากครับ วัตถุประสงค์เพื่อมาแช่น้ำร้อน อาหารการกินต่าง ๆ ไม่ต้องหาเพราะทางโรงแรมจัดบุฟเฟ่ ตอนเย็นและเช้าด้วย มุมมองจากบนห้องพัก ตอนเช้าถึงได้เดินออกสำรวจบริเวณใกล้ จะเห็นว่าทางโรงแรมต้องมีรถตักไว้คอยตักหิมะออกบริเว ณลานจอดรถ บรรยากาศของโจซานไก หลังจากนั้นทางโรงแรมจัดรถไปส่งที่สถานีซับโปโรแล้วร อเวลานั่งรถไฟต่อไปยังโอตารุครับ | 
| 
 ท่าจะหนาวได้ใจเลยครับ :) | 
| 
 อ้างถึง: 
 อุณหภูมิโตเกียว 0-5 องศา โอซาก้า 0-5 องศา ส่วนเกาะฮอคไกโดติดลบทุกเมือง โดยเฉพาะที่โอตารุในตอนกลางคืน เป็นที่ผมรู้สึกว่าเครื่องกันหนาวที่เตรียมไปมันไม่พ อ หนาวมากอุณหภูมิน่าจะประมาณ -10 ถึง -15 แต่ก็อยากจะท้าความหนาวที่มากกว่านี้ที่เทศกาลแกะสลั กน้ำแข็งเมืองฮาบินเหมือนกัน เห็นว่าที่นั่นอุณหภูมิ -20 ถึง -30 องศาครับ ตัดมาช่วงหลังจากเดินทางกลับจากโอตารุแล้วมาเที่ยวใน ซัปโปโรต่อ ที่แรกที่ไปคือจุดชมวิวเมืองซัปโปโร ที่นี่เป็นที่ตั้งของอนุเสารีย์ ดร.คล๊าก โดยนั่งรถประจำทางไป แต่วันที่ไปหิมะตกตลอดจึงไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไหร่ ที่นี่เป็นจุดสำหรับเล่นสกีด้วย และมีนั่งเรือแล้วลากโดยสโนว์โมบิล ซึ่งคล้าย ๆ กับนั่งเรือกล้วยพัทยาบ้านเราครับ เข้าไปชมพื้นที่จัดแสดงเกี่ยวกับเกาะฮอคไกโด และมีของระลึกที่ทางเมืองไทยส่งไปให้กับทางฮอคไกโดด้ วย เมื่อลงจากจุดชมวิวเมืองซับโปโร ก็นั่งรถรางไปยังจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง คือ จุดชมวิวยอดเขาโมอิวะครับ นี่ครับเจ้าตัวโมอิวะ | 
| 
 ที่นี่ต้องนั่งโรปเวย์ขึ้นไปสองช่วง  ช่วงแรกจะมีจุดพักและมีขายอาหารและของที่ระลึก แล้วจึงขึ้นต่อไปยังจุดยอดสุด ด้านบนมีจุดให้เล่นสกีแบบ downhill ด้วย และเหมือนเดิมหิมะตกตลอดจึงไม่ค่อยเห็นอะไหรเท่าไหร่ ครับ เมื่อลงจากจุดชมวิวเขาโมอิวะก็มาเที่ยวในตัวเมืองซัป โปโรต่อ อีกามาอาศัยเกาะต้นไม่ในสวนสาธารณะกลางเมืองซัปโปโร เป็ดฮอคไกโด | 
| 
 แล้วก็ย้อนกลับมาเที่ยวยังงานแกะสลักน้ำแข็ง  จริง ๆ มีไปอีกหลายที่แต่ไม่ได้ถ่ายรูป หน่วยกาชาด คอยพยาบาลและรับบริจาคโลหิตของญี่ปุ่นเขา ที่นี่เขาจะมีหน่วยงานอาสาสมัครพาผู้ป่วยหรือผู้สูงอ ายุเที่ยวชมงาน คนที่เข้าชมงานเมื่อเห็นคณะนี้ผ่านมาทุกคนก็จะเปิดทา งให้เพื่อให้เข้าชมได้สะดวกครับ เมื่อเห็นภาพนี้ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าที่ซัปโปโรนี้เว ลาเดินจะลื่นต้องระวังมาก ๆ เนื่องจากหิมะตกทับถมกับจนจับเป็นก้อนน้ำแข็งและคนเด ินเยอะทำให้ผิวเป็นมันลื่นถ้าเดินไม่ระวังล้มได้ง่าย ๆ เลย ทางเจ้าที่ของเมืองต้องคอยนำก้อนกรวดมาโรยเป็นระยะเพ ื่อไม่ให้ลื่น แต่สำหรับใครที่มีรองเท้าพื้นสำหรับเดินบนพื้นแบบนี้ ก็จะง่ายหน่อย ผมเห็นรถหลายคันเลยเมื่อต้องวิ่งผ่านจุดที่เป็นพื้นน ้ำแข็งแล้วท้ายปัด ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไม่โตโยต้าต้องทำระบบ TRC ไว้ด้วย มาถึงงานแกะสลักน้ำแข็งประกวดของประเทศต่าง ๆ บ้าง อันนี้ของประเทศอินเดีย | 
| 
 | 
| 
 ดูคุณวุตแล้วคุ้มเหมือนได้ไปเองเลยเอามาฝากอีกเยอะๆน  ะคับ | 
| 
 อ้างถึง: 
 เนื่องจากงานแกะสลักน้ำแข็งมีอยู่หลายจุดมาก ต้องเลือกเดินดู มาดูตอนกลางคืนกันบ้าง กำลังลงมือแกะเลยครับ บางรูปแบบก็สามารถไปนั่งถ่ายรูปได้เลย สองสาวนี้เปิดเป็นร้านขายของอยู่ทำชั้นวางต่าง ๆ จากน้ำแข็ง ผมถือกล้องเดินเข้าไปสาวเจ้าก็ยิ้มเตรียมให้ถ่ายรูปเ ลยครับ | 
| 
 | 
| 
 เช้าวันรุ่งขึ้นก็นั่งรถไฟออกจากซัปโปโรมาสนามบินนั่  งเครื่องต่อไปโอซาก้า  ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า แล้วก็มาถึงสนามบิน kansai osaka ครับ แล้วก็นั่งรถไฟเข้าเมืองเพื่อ checkin และฝากกระเป๋าที่โรงแรม แล้วก็ออกเที่ยวต่อเลย โดยนั่งรถไฟใต้ดินไปที่แรกที่ไปคือศาลเจ้าเทนโนจิ วันที่ไปสงสัยจะเป็นวันหยุดของญี่ปุ่นด้วยเพราะที่ท่ องเที่ยวแต่ละที่คนค่อนข้างเยอะ บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ศาลเจ้า | 
| 
 | 
| 
 :) :)  ขอตามพี่วุฒิไปเที่ยวด้วยคน | 
| 
 อ้างถึง: 
 ขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมาก็เห็นตัวปราสาทอยู่ไกล ๆ ครับ ที่โอซาก้านี่แดดจัดมากแต่ไม่ร้อน ด้านหน้าจะเป็นสวนสาธารณะและบริเวณรอบ ๆ เห็นชาวญี่ปุ่นวิ่งออกกำลังกายอยู่เหมือนกับที่สวนจิ ตรฯบ้านเราที่มีคนไปวิ่งออกกำลังกายอยู่รอบ ๆ ครับ | 
| 
 บรรยากาศภายในรอบ ๆ ปราสาทร่มรื่น วันที่ไปคนเข้าชมค่อนข้างเยอะครับ พระญี่ปุ่นรอรับบิณฑบาตรอยู่ ตัวปราสาทเต็ม ๆ ครับ อาคารที่อยู่ใกล้ ๆ ภายในปราสาทจะมีอยู่หลายชั้นมีการจัดแสดงประวัติศาสต ร์ของญี่ปุ่นเขาและส่วนใหญ่จะไม่ให้ถ่ายรูป มีบางชั้นเท่านั้นที่จะถ่ายรูปได้ครับ วิวเมืองโอซาก้า มุมมองจากด้านบนสุดของปราสาทครับ | 
| 
 มีชุดซามูไรให้เช่าใส่ถ่ายรูปด้วยครับ เดิมทีมีโปรแกรมจะเดินทางไปที่เที่ยวอื่น ๆ อีก แต่ที่เที่ยวแต่ละที่มันค่อนข้างห่างกันในแต่ละจุดปร ะกอบกับร่างกายมันเริ่มล้า เลยตัดสินใจเที่ยวอยู่ละแวกใกล้ ๆ ในตัวเมืองนี่แหละเลยไปเดินดูในห้างสรรพสินค้า แล้วไปต่อที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มีป้ายต้อนรับภาษาไทยด้วย จากที่ไปมาหลาย ๆ ที่ในญี่ปุ่นเขาจะมีแบบสำรวจให้กดหรือสอบถามตอนเราไป ซื้อตั๋ว คงเอาไว้เป็นข้อมูลสถิตินักเที่ยว เพื่อที่จะทำป้ายต้อนรับเพื่อให้รู้สึกประทับใจหรือท ำให้นักท่องเที่ยวชาตินั้น ๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ ด้านในก็มีสัตว์ทะเลคล้าย ๆ กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบ้านเรา เข้าไปด้านในผมไม่ได้ถ่ายรูปเลยเดินดูอย่างเดียว เมื่อออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็มารอดูพระอาทิตย์ตกเ มืองโอซาก้า เริ่มมืดแล้วอากาศก็เย็นใช้ได้เลย เดินกลับมาที่ห้างก็เจอนักแสดงเปิดหมวก | 
| 
 | 
| 
 คึกคักมากครับย่านนี้ วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นแต่งกายคอสเพลย์(แต่ตัวเรียนแบบตัว การ์ตูน) ร้านอาหารร้านไหนได้ออกทีวีแชมป์เปี้ยนของญี่ปุ่นผู้ คนก็จะมาเข้าคิวคอยซื้อเลยครับ ย่านนี้เป็นย่านที่ชุมนุมร้านอาหารที่ออกทีวีแชมป์เป ี้ยนก็ว่าได้ ต่อแถวกันยาวมากกว่าจะได้กิน ผมลองเข้าคิวซื้อขนมจากร้านนี้เหมือนกันเห็นว่าคิวไม ่ยาวมาก เขาเรียกชื่อขนมอะไรก็ไม่รู้แต่ข้างในมันเป็นไส้ปลาห มึก บ้านเราก็มีขาย เห็นสองสาวขับรถมินิคูเปอร์มีกระป๋องRedBull อยู่ข้างหลัง ผมจับกล้องขึ้นมาถ่ายแทบไม่ทัน เดินกันจนดึกดื่นครับที่นี่ เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่ญี่ปุ่นแล้ว ซื้อของใช้ ซื้อของฝาก เอาไปแพ็คลงกระเป๋า | 
| 
 วันรุ่งขึ้นมีเวลาอีกครึ่งวัน  เที่ยวอยู่บริเวณใกล้ ๆ ที่พัก เป็นวันที่ 10 ที่อยู่บนแผ่นดินญี่ปุ่น  ความรู้สึกตอนนั้นอยากกลับบ้าน จากที่พักก็นั่งรถไฟไปสนามบิน Checkin โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง แล้วก็เดินหาซื้อของฝากใน duty free โดยเฉพาะขนมของ Royce' หิ้วกลับมาเยอะเลย ภาพสุดท้ายของแผ่นดินญี่ปุ่นครับ สิ้นสุดทริฟการเดินทาง 10 วันในประเทศญี่ปุ่นครับ แต่ยังไม่จบเหลือภาพตอนที่อยู่โตเกียวไว้ค่อย ๆ ทยอยลงครับ:) | 
| 
 ย้อนกับมาที่โตเกียวกัน และเป็นเมืองแรกที่ผมไปเที่ยวครับ ทริฟเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น 10 วัน ทริฟนี้ผมใช้เวลาเตรียมการอยู่ประมาณ 3 เดือน ตั้งแต่หาข้อมูลการเดินทาง จองตัวเครื่องบิน ซื้อตั๋ว JR(ผู้ให้บริการรถไฟในญี่ปุ่น) ขอวีซ่า วางแผนที่พักและการเดินทาง จองที่พัก แลกเงิน โดยสิ่งที่ผมคำนึงในการจองที่พักคือเน้นที่อยู่ไม่ไก ลจาก สถานนีรถไฟ เพื่อให้สะดวกเวลาเดินทาง - โตเกียว + ภูเขาไฟฟูจิ พักโตเกียว 4 คืนที่เดียวทั้งหมด - ฮอคไกโด พัก 4 คืน(ฮาโกดาเตะ –โจซานไก-โอตารุ- ซัปโปโร) - โอซาก้า พัก 1 คืน จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สู่สนามบินนาริตะ อุณหภูมิต่างกันมาก ที่สุวรรณภูมิประมาณ 30 องศา ส่วนนาริตะ 1 องศา เมื่อมาถึงสนามบินผ่านพิธีการต่าง ๆ เรียบร้อย ก็ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองนั่งสุดทางสถานีสุดท้าย คือสถานีอูเอโนะ ซึ่งเป็นสถานีใหญ่เชื่อมต่อการเดินทางไปได้หลายจุด รวมถึงมี JR service center ที่สถานีนี้ด้วย เอาไว้เวลาจะจองที่นั่ง(reserve)เวลาเดินทางจะได้สะด วกไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น บรรยากาศตอนนั่งรถไฟเข้าเมืองครับ เมื่อมาถึงสถานีอูเอโนะก็ใช้เวลาเดินหาที่พักอยู่ประ มาณครึ่งชั่วโมง ที่พักห่างจากสถานีประมาณ 400 เมตรแต่ต้องผ่านแยก 2 แยกและต้องเข้าซอย หลังจากcheckin ฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกเที่ยวกันเลย ที่แรกที่ไปคือวัดอาซากุสะ อยู่ไม่ห่างจากที่พักมากนัก ถ้านั่งรถไฟก็เพียงสถานีเดียว ซึ่งตอนที่ไปถึงยังงง ๆ กับแผนที่เส้นทางรถไฟใต้ดินอยู่ ท่านใดที่เคยไปโตเกียวคงพอทราบ ใต้ดินเมืองโตเกียวนั้นเขาสร้างทางเดินทางเชื่อมเหมื อนกับเป็นอีก 1 เมืองอยู่ใต้ดินเลย และทางรถไฟก็ไขว้กันไปมา และไม่ได้มีเพียงชั้นเดียว แต่ซ้อนกันอยู่ 3-4 ชั้นใต้ดิน และมีผู้ให้บริการรถไฟอยู่หลายรายด้วย ต้องเลือกขึ้นให้ถูก ตอนไปวัดอาซากุสะเลยเลือกเดินไปก่อนครับ ไม่นานนักก็มาถึง | 
| 
 บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณวัดครับ ที่เห็นเป็นตึกสูงไกล ๆ นั่นคือโตเกียวสกายทรีครับ ระหว่างทางเดินกลับมาที่พัก เจอสตอเบอร์รี่ขายอยู่เลยลองชิมซะหน่อย หวาน เย็น กรอบ ชื่นใจ แล้วก็เดินไปดูตึกรูปอุนจิ เท่าที่ทราบด้านในจะมีขายอาหาร เป็นรูปอุนจิ แต่ผมไม่ได้เข้าไปครับ บรรยากาศรอบ ๆ วันแรกไม่ได้เที่ยวอะไรมาก เพราะตอนเดินทางมายังไม่ได้นอนทั้งคืน ไปได้ไม่กี่ที่ก็กลับที่พักนอนครับ | 
| 
 | 
| 
 โตเกียวช่วงที่ไปนั้นถือเป็น low season เพราะต้นไม้ต่าง ๆ จะไม่ค่อยมีสีสัน   ช่วง high season ของโตเกียวจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ซากูระจะบานสะพรั่งสีชมพูเกือบทั้งเมือง ที่แรกที่ไปของวันนี้คือพระราชวังอิมพีเรียล วันที่ไปนั้นเมฆมากอากาศเย็น สีสันของภาพไม่ค่อยจะมี วันนี้เดินทางโดยรถไฟใต้ดินครับ บรรยากาศรอบ ๆ พระราชวังก็เหมือนกับหลาย ๆ ที่ที่เปิดเป็นสวนสาธารณะมีชาวญี่ปุ่นมาทำกิจกรรมออก กำลังกายกัน ที่นี่ไม่สามารถเข้าชมด้านในได้ ทำได้เพียงถ่ายรูปอยู่ด้านนอก บรรยากาศตึกอาคารรอบ ๆ พระราชวัง มีทางเข้าอยู่หลายทาง เดินชมไปเรื่อย ๆ ครับ บริเวณด้านหน้าจะเห็นสวนสนตามในรูป เนื่องจากเป็นฤดูหนาว ต้นหญ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแต่สนยังเขียวอยู่ และมีล่องลองน้ำแข็งที่เกิดจากหิมะตกแต่ยังละลายไม่ห มดอยู่เยอะเหมือนกัน | 
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:30 | 
	Powered by vBulletin รุ่น 3.6.8 Copyright ©2000-2025, Jelsoft Enterprises Ltd.
	
	ClubJZ. NET Bestview 1024 * 768 and 1208 * 1024 pixels